Hotel Muse – วินาทีแรกที่เดินเข้ามาที่นี่ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นหอมกระตุ้น Sensation สุดๆ…อย่าเพิ่งคิดไปไกล วันนี้เราอยากพาสาวๆทั้งหลายมาลองใช้ชีวิตที่นี่ดูสักครั้งเพราะที่นี่เป็น M Gallery Collection ที่เราสามารถถ่ายรูปได้แทบทุกมุม พิเศษกว่านั้นคือที่นี่ถูกสร้างเพื่อสาวๆโดยเฉพาะ ตามเรามา 6 August Journey จะนำพวกเธอทั้งหลายเข้าสู่ Inspired by her
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
รีวิวนี้มีอะไร ?
- ก้าวแรกในความงามเหมือนชีวิตเจ้าหญิงที่ชอบเดินทาง
- ห้อง Muse Deluxe กับอ่างอาบน้ำยุโรป
- สระว่ายน้ำ กับวิวเอกลักษณ์ที่ใครต้องอิจฉา
- ย้อนสู่ยุค 1920 บน Rooftop ที่ดีที่สุดในกรุงเทพ
- ห้อง PARANIM PENTHOUSE หรูสุดในโรงแรม
- ฟังโอเปร่า ดินเนอร์อาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพก่อนนอน
- Breakfast on 19th floor
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ก้าวแรกในความงามเหมือนชีวิตเจ้าหญิงที่ชอบเดินทาง
จะไม่เป็นเจ้าหญิงได้อย่างไร…เมื่อที่นี่ยก 4 วังมาอยู่ที่นี่ที่เดียว ด้วยการตกแต่งที่จำลองบรรยากาศในวังต่างๆเข้ามา เพราะที่นี่นำเรื่องราวการเสด็จประพาส และ วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 มาสร้างสรรค์อย่างจุดแรกเป็นบริการ Salon ของทางโรงแรมซึ่งเมื่อเดินเข้าโรงแรมห้องนี้จะอยู่ทางซ้ายมือ
บริเวณนี้แทบทั้งหมดถูกสร้างคล้ายกับ พระราชวังสวนกุหลาบ ดีเทลทั้งฝ้า เพดาน โครงสร้างของเสาต่างๆ และ พรม ถ้าใครเคยไปพระราชวังสวนกุหลาบจะเห็นถึงความเปะของที่นี่ แค่จุดนี้สาวๆก็ได้รูปถ่ายไปไม่น้อยแล้ว
ผู้หญิงต้องคู่กับความหอม แค่บริเวณทางเดินเข้ามาจะมีกลิ่นหอมอโรม่า แขกที่มาที่นี่ทุกคนจะรู้สึกถึงความผ่อนคลาย ทำให้เดินถ่ายรูปเพลินเข้าไปอีก
มาเช็คอินกันก่อนเลย ที่นี่สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่ 14:00 เป็นต้นไป โดยทุกห้องพักที่มีการเช็คอินจะมีค่า Deposit ต่อห้องราคา 2,000 บาทเผื่อสำหรับการไปทานอาหารในห้องอาหารต่างๆในโรงแรม แต่ถ้าไม่ใช้เลยจะได้คืนเมื่อเช็คเอาต์
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่เช็คห้องเราก็รับ Welcome Drink กันก่อนเลย ลำพังแค่ Welcome Drink ของที่นี่ก็ดูพิเศษอยู่นะ ดูลุคแบบเปรี้ยวหวาน แต่ดื่มแล้วสดชื่นอย่าง Moon Soon ที่มีส่วนผสมของน้ำทับทิม องุ่น และ ไซรัปเพิ่มความหอมหวาน บางแก้วมีเหล้า Jim Beam ผสมด้วย
จุดเช็คอินจะมีทั้งสิ้น 4 โต๊ะเมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อย เดินเข้าไปข้างในสุดซ้ายมือจะมีลิฟต์เพื่อขึ้นสู่ห้องพัก สิ่งที่เราชอบที่นี่อีกเรื่องคงเป็นการที่เขาเอากระเป๋าเดินทาง มาตั้งอยู่ในหลายๆจุด สร้างความรู้สึกว่าเราก็เป็นนักเดินทางด้วยเช่นกัน
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ห้อง Muse Deluxe กับอ่างอาบน้ำยุโรป
เข้ามาสู่ห้องนอนที่เรานอนในวันนี้กันบ้างสำหรับห้อง Muse Deluxe ที่ถูกสร้างย้อนยุคไปในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคที่ศิลปะยุโรปชั้นสูงเริ่มเข้ามา ของใช้ในห้อง ทุกจุดเลยถูกสร้างให้คล้ายยุคนั้นให้มากที่สุด
ระบบความปลอดภัยของที่นี่ขึ้นอยู่กับคีย์การ์ด การจะขึ้นไปชั้นของตนเองต้องเอาคีย์การ์ดแตะที่ลิฟต์ถึงจะสามารถกดลิฟต์ได้ และใช้คีย์การ์ดเข้าห้องอีกที ความสวยของคีย์การ์ดสีดำ และ ใช้ลวดลายสีทองสร้างความรู้สึกแกรนด์เข้าไปอีก
เตียงนอนที่เรานอนเป็นแบบ King Size นอนสบายคุณภาพ 5 ดาวจริงๆ ส่วนอีกมุมเป็นมุมโต๊ะทำงานให้เราได้สามารถทำงานได้ด้วย โดยมี iPod Docking Station ข้างๆโต๊ะทำงาน
ในห้องมีบริการ น้ำเปล่า (ฟรี 2 ขวด) และ เครื่องดื่ม พร้อม snack โดยมีราคากำกับไว้ด้วย สิ่งที่เซอร์ไพซ์หลังจากเดินเที่ยวทั่วกรุงมาทั้งวันกลับมาเจอแก้วเปล่า และ น้ำเปล่าข้างเตียงราวกับว่ามีคนในโรงแรมห่วงใยสุขภาพเรา ให้เราดื่มน้ำเยอะๆก่อนนอน ใส่ใจที่หนึ่งเลย
เข้ามาสู่ในส่วนที่เราชอบอีกจุดนึงในการมาพักครั้งนี้คือ ห้องน้ำ คือสร้างออกมาได้แบบเหมือนในหนังฝรั่งในยุคสมัยเก่า แต่เป็นผู้ดีชั้นสูงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นประตูห้องน้ำ ยันของใช้ และอ่างอาบน้ำขาสิงโต
ในการจำลองให้กลับเข้าสู่ยุคเก่า แต่ก็แอบซ่อนความไฮเทคไว้คือ เขามีลำโพงที่ฝั่งไว้ในห้องน้ำ และเป็นลำโพงคุณภาพเสียงดีด้วย เมื่อเราเปิด TV ที่อยู่นอกห้องน้ำลำโพงก็จะดังตาม TV ที่เราเปิด และแน่นอนว่าถ้าเปิดพวก Channel V แล้วอาบน้ำแช่ฟองสบู่ไปด้วย จิบไวน์ ฟังเพลงไปก็เพลินเวอร์ !!!
ความที่ Hotel Muse แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในความต้องการที่ผู้หญิงคนนึง อยากส่งต่อความเป็นผู้หญิงให้แก่ผู้ที่มาพัก (Inspired by Her) ของใช้ต่างๆจึงมีมาให้ผู้หญิงมากๆ ทั้งกระจกแต่งหน้า สบู่อาบน้ำที่สามารถขอเพิ่มได้โดยไม่ชาร์ตเพิ่มถ้าอยากตีฟองในอ่าง
ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมนวด โลชั่นบำรุงผิวที่นี่ก็เลือกมาอย่างดี มีกลิ่นอโรม่าอ่อนๆเหมือนเราอาบน้ำท่ามกลางทุ่งดอกไม้ ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ลวดลายในห้องน้ำก็เป็นลายหินอ่อนสีดำ และมีกระจกแกะรอยล้อมรอบ คือเลิฟมาก
สุดท้ายที่จะไม่พูดถึงคงเป็นไปไม่ได้สำหรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ที่อยู่ปลายเตียงนอน เป็นลิ้นชักที่ออกแบบให้เหมือนกระเป๋าเดินทางในยุคเก่า หลงไหลกับความบูทีคที่นี่จริงๆ สมแล้วกับรางวัล Best Bangkok Boutique Hotel
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] สระว่ายน้ำ กับวิวเอกลักษณ์ที่ใครต้องอิจฉา
จุดนี้ไม่รีวิวอะไรมาก ให้ภาพมันเล่าเรื่องไป เพราะวิวแบบนี้คนทั่วโลกที่มาพักก็ต้องมาถ่ายรูปกับมุมนี้ให้ได้ แต่แนะนำให้มาตั้งแต่เช้าเพราะว่าสระน้ำแห่งนี้คนเยอะทั้งวัน กลางวันแสงแดดจะสาดลงมา ทำให้มีฝรั่งจำนวนมากมาตากแดดกัน
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ย้อนสู่ยุค 1920 บน Rooftop ที่ดีที่สุดในกรุงเทพ
คำว่า Rooftop ที่ดีที่สุดในกรุงเทพเขาได้รางวัลมา เพราะบรรยากาศ เมนูอาหาร และ ค็อคเทลที่มีเชฟที่มีความสามารถมาคิดค้น แต่ความพิเศษของ Rooftop ที่นี่คือสร้างด้วยงานศิลปะคล้ายกับพระราชวังวิมานเมฆ และ บรรยากาศความเป็นบาร์ลับสไตล์ Speakeasy (รีวิว)
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ห้อง Paranim Penthouse หรูสุดในโรงแรม
ห้องนี้ได้ชื่อว่าหรูที่สุดในโรงแรม เป็นแนว Penthouse เป็นการตกแต่งแบบไทยร่วมสมัยที่เรียบ หรู และ ดูแพง โดยที่นี่เองถูกใช้เป็นที่จัดงานวันเกิด วันสำคัญของเหล่าบุคคลมีชื่อเสียงในเมืองไทย
อย่างดาราสาวมาร์กี้ เขาก็มาใช้บริการห้องนี้เป็นคืน มาร์กี้ไนซ์ ปาร์ตี้ก่อนสละโสด รวมทั้งแบรนด์ดังๆที่เขาชอบมาใช้บริการที่นี่เป็นห้อง fitting และถ่ายรูปแบรนด์ของเขา
ถือเป็นความโชคดีของเราที่ได้มีโอกาสเข้ามาถ่ายรูปที่นี่ Penthouse แห่งนี้มีครบทั้งห้องนอน ห้องเสื้อผ้า ห้องน้ำที่ใหญ่และหรูมาก ห้องรับแขก และบริเวณสำหรับรับประทานอาหาร
ที่ชอบอีกอย่างคือที่นี่มีระเบียง ที่สามารถเดินออกไปแล้วเห็นวิวกรุงเทพได้ แสงไฟระยิบระยับยามเย็น คือโรแมนติกมาก โดยระเบียงเขาจัดเหมือนสวนเล็กๆ เก้าให้นั่งชิลๆด้วย
อีกส่วนที่อยากพูดถึง ห้องนอน ใน Penthouse คือสร้างเหมือนเจ้าหญิงทุกกระเบียดนิ้ว และประตูห้องนอนก็มีระเบียงออกไปด้วยเช่นกัน วิวเมืองตอนกลางคืนที่นี่สวยมาก ส่วนเช้ามาก็จะสงบๆหน่อย
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ฟังโอเปร่า ดินเนอร์อาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพก่อนนอน
ความเฟียซของที่นี่คือ มีหลายรางวัลการันตีแทบทุกห้องอาหาร ที่ห้องอาหาร Medici Kitchen & Pub ก็เช่นกันเขาได้รางวัลอาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพเรา 3 ปีซ้อน อาหารจะออกแนวเป็น Comfort food ที่หากินกันไม่ได้ง่ายๆ เน้นของคุณภาพดีล้วนๆ
แถมมีการแสดงโอเปร่า ทุกวันทำให้ที่นี่คนค่อนข้างเยอะ ล่าสุดดาราสาวชมพู่ อารยา แม่ก็คือแม่ของความเป๊ะก็เพิ่งมาจัดงานวัดเกิดที่นี่ไปใครสนใจอ่านรีวิวได้
[icon type=”fa-suitcase” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] Breakfast on 19th floor
บรรยากาศยามเช้าของที่นี่ค่อนข้างสงบ อาจเป็นเพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ด้วยแหละ เราเพิ่งสังเกตุเห็นว่าเขามีผลไม้มาเสริฟที่ห้องเมื่อวาน เลยเพิ่งมาแกะทานตอนเช้า แถมมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษมาบริการที่ห้องด้วย
นั่งชิลๆมองวิวเมืองแบบเงียบๆ ก็ขึ้นไปรับประทานอาหารกันที่ชั้น 19 เป็นชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ อาหารเช้าที่นี่เป็นบุฟเฟต์นานาชาติ ทั้งอาหารจีน ฝรั่ง และ ไทย
ที่สำคัญที่นี่มีมุมอาหารสุขภาพ ที่เน้นเรื่องสุขภาพจริงๆอย่างเช่น น้ำผลไม้ที่เหมือนคั้นมาสดๆ และหลายชนิด โยเกิร์ต โฮลวีต คือมีครบ ถือเป็นการมาพักผ่อนที่เรารู้สึกแฮปปี้สุดๆสำหรับที่นี่ Muse Hotel
รายละเอียดห้องที่บริการ
Room type : มี 6 แบบ
Check-in : 14:00 เป็นต้นไป
Check-out : ก่อน 12:00
เบอร์ติดต่อสำรองห้องพัก : +66 (0) 2 630 4000
Website : https://hotelmusebangkok.com
Facebook : https://www.facebook.com/hotelmusebkk/