Site icon 6 AUGUST JOURNEY

ที่เที่ยว Vancouver (แคนาดา) รีวิว 3 วัน ไปเที่ยวไหนได้บ้าง

ที่เที่ยว Vancouver

ที่เที่ยว Vancouver – สำหรับใครที่มีแพลนจะมาเที่ยวแคนาดา และกำลังลังเลอยู่ว่าจะเที่ยวเมืองไหนบ้าง ลองอ่านรีวิวนี้ดูค่ะ หลังจากคุณผึ้งไปเที่ยวที่ Banff National Park มา 4 วัน (รีวิว) วันนี้ลงทุนบินจากเมือง Calgary มาที่ แวนคูเวอร์ ต่างกัน 1 Timezone เลยอยากแชร์ความน่ารัก และ บรรยากาศดีๆของเมืองนี้ให้อ่านกันค่ะ

ที่เที่ยว Vancouver – แวนคูเวอร์ (งบ และ แผนที่เที่ยว)

Vancouver (เตรียมตัวอะไรบ้าง)

วันที่ 1: มาถึง Vancouver ในวันที่ฝนพร่ำ

ใช้เวลาไม่นานนักค่ะ สำหรับการบินข้ามมา 1 โซนเวลาเพื่อมาเที่ยวที่แวคูเวอร์ ก่อนจะบินกลับเมืองไทย และที่นี่มี Pattern การเที่ยวที่เรียบง่าย รู้สึกเหมือนเดินอยู่สิงคโปร์เพราะคนเอเชียเยอะ แต่อากาศหนาวกว่า

เริ่มต้นการเดินทางด้วยการซื้อบัตร Compass เป็นบัตรใช้ขนส่งสาธารณะของที่นี่ค่ะ สามารถซื้อได้ที่ตู้กดบัตรเลย และ สามารถเติมเงินผ่านตู้ หรือ เติมออนไลน์ได้ค่ะ มีเว็บไซต์ให้เติม

จากนั้นเราก็ Google Map แล้วมาลองขึ้นรถเมล์ที่นี่กันค่ะ เวลาขึ้นก็เอาบัตรไปแตะที่เครื่องตรงข้างๆคนขับ หรือ ทางลงได้ค่ะ หรือจ่ายสดก็ได้แต่ค่ารถแบบไม่มีบัตร Compass ราคาสูงใช้ได้เลย

ที่พักใน แวนคูเวอร์ เราเลือกใช้บริการ Airbnb ต้องยอมรับว่าค่าเที่ยวในเมืองนี้หมดไปกับ ค่าที่พักค่ะ เพราะบ้านที่นี่แพงมาก เราเลยเลือกไปพักในเมือง Burnaby ย่านคนรวยค่ะ

วันที่ 2: ปั่นจักรยานที่ Stanley Park ช็อปปิ้งที่ Granville Island ตกท้ายด้วยก๋วยเตี๋ยวไทยร้านดัง

เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วย กาแฟสักแก้ว แถวบ้านที่เราพักค่ะ คุณผึ้งรู้สึกว่ากาแฟที่นี่อร่อยมาก เหมือนเขาจะมีกาแฟรสแปลกๆ เช่น ที่เพิ่มความอร่อย เช้าวันนี้เริ่มกันที่ร้าน Waves Coffee ราคาปกติค่ะ

จังหวะที่เราไป ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีค่ะ อุณหภูมิ 10 ต้นๆ กำลังสบายค่ะ เที่ยวได้ทั้งวัน จุดมุ่งหมายแรกสำหรับวันนี้คือ จะไปปั่นจักรยานที่สวน Stanley เลยเลือกวิธีเดินไปที่สถานีรถไฟใกล้ๆ จะไปเติมเงินบัตรด้วย

สิ่งที่ต้องจำเลย ถนนบางเส้นจะมีทางจักรยาน และ ทางเท้าสำหรับคนเดินค่ะ พยายามสังเกตนะคะจะได้ไม่ทำผิดกฎประเทศเขา ใดๆคือทางเท้าดีมาก เดินได้แบบสบายๆ ชมนก ชมไม้ตลอดทางอากาศดี

เหมือนทุกโซนใน Burnaby จะเป็นอะไรที่คิดมาแล้ว ทุกอย่างดูใหม่ มีดีไซน์ มีสีที่ไปด้วยกันได้ ฟีลแบบคุมโทน ยิ่งย่านที่เราอยู่นะ เป็นบ้านเดี่ยวที่แต่ละหลังจะใช้สีแบบไม่เกิน 3 สีไล่ๆกันสวยๆ

ไม่นานนักก็ถึงรถไฟ ตามจริงถ้าเราเติมเงินเข้าบัตรผ่านเว็บไซต์ เราก็สามารถนั่งรถเมล์เที่ยวตั้งแต่แถวบ้านเลย แนะนำให้ผูกบัตร และ เติมเงินให้เป็นชีวิตจะสะดวกมาก

แล้วเราก็นั่งรถเมล์มาถึงจุดที่ใกล้สวนมากที่สุด จะเห็นบรรยากาศริมน้ำ และ ต้นไม้สงบมากๆ และอยากแนะนำให้ Google Map มาที่โซน Bicycle Rental โซนนี้ราคาเขาไล่กันหมดทุกร้านค่ะ ไม่มีใครถูกกว่าใคร

ไม่ใช่ทุกที่จะปั่นจักรยานได้ ที่นี่มีป้ายที่ชุดเจนแทบทุกจุด ว่าจุดไหนปั่นได้ หรือไม่ได้ จุดไหนปั่นไม่ได้ก็อาศัย เดินลากเอาค่ะ ทางร้านแนะนำให้เราลองจักรยานธรรมดา เพราะเรายังเป็นหนุ่มสาว ยังมีแรงค่ะ ไม่ต้องใช้ e-Bike เขาแนะนำแบบนี้

สวน Stanley เป็นสวนที่ใหญ่มากนะคะ ปั่นจักรยานตามทางที่เขาให้ปั่นจะเป็นประมาณ 10 กิโลเมตร ผ่านวิว ผ่านธรรมชาติที่หลากหลาย เขาว่ากันว่าพื้นที่ตรงนี้มีต้นไม้เยอะถึง 5 แสนต้น และมีต้นไม้เก่าแก่เป็นพันปีเพียบ

เริ่มต้นที่ Harbour Cruises จะมีเรือยอร์ชมาจอดค่ะ ตามบ้านเราก็คือ ที่จอดเรือ บรรยากาศชิวๆ แอบหนาวนะคะเพราะบริเวณนี้ลมเข้าเต็มๆ โซนนี้เขาจะมีบริการล่องเรือหรู ทานอาหาร

ปั่นเรื่อยๆจะมาถึง Hallelujah Point เป็นจุดที่ถ่ายรูปแล้วสวย แล้วรู้เลยว่านั่งอยู่ในสวนที่เมืองนอกค่ะ มีต้นไม้ใหญ่คอยบังแดดอยู่ค่ะ แอบเสียดายวันที่เราไปฝนตก มันจะไม่สดใสขนาดนั้น

ใกล้ๆกันจะเจอรูปปั้น Harry Jerome เป็นนักวิ่งระยะสั้นชาวแคนาดาที่ไปได้เหรียญโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 1964 และมีการสร้างสถิติ 7 รายการ ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในประวัติศาตร์แคนาดาคนหนึ่งเลยค่ะ

ปั่นมาเรื่อยจะเจอ Brockton Point เป็นประภาคารอายุ 100 ปี ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1914 ทำหน้าที่ในการบอกทิศทางให้กับเรือต่างๆ ปัจจุบันที่ไปก็จะเงียบๆ กลายเป็นที่ถ่ายรูปค่ะ

ทางจักรยานของที่นี่จะไม่ได้ให้เราขับแค่ริมแม่น้ำนะคะ จะมีบางจุดที่เราต้องขับขึ้นไปบนถนน ส่วนด้านล่างจะเป็นที่ให้คนเดินค่ะ บรรยากาศด้านบนก็จะดีไปอีกแบบค่ะ

ขับไปเรื่อยๆ เราจะผ่านใต้สะพาน Lion Gate Bridge เป็นสะพานที่ใช้ข้ามไปที่ North Vancouver ถูกสร้างออกมาสวย และสูงมากๆค่ะ ตามจริงบริเวณนี้มีโซนเขาให้เราปีนชมวิวด้วยนะคะ แต่ความที่วันที่เราไปฝนตก และ ไปคนเดียวเลยขอข้ามไป ไม่งั้นอาจได้วิวสวยๆมาฝากแล้ว

ขับไปใกล้ครบรอบเราจะเจอ Siwash Rock (ประวัติ) อาจจะไม่ได้สวยเวอร์วังนะคะ แต่การปั่นจักรยานสัก 1 รอบแล้วได้พบเห็นมุมสวยๆ เก๋ๆ แบบครบๆ มันก็ดีไปอีกแบบค่ะ

ปั่นอีกสักพักจะเจอ Sylvia Hotel แนะนำให้หยุดตรงนี้เลยค่ะ และเตรียม Google Map เพื่อหาจุดคืนจักรยาน ความเก๋ของโรงแรมคือเขาจะปลูกต้นไม้ประดับตึก โดยที่ต้นไม้จะเปลี่ยนสีตามฤดูกาล อย่างช่วงที่คุณผึ้งไปใบไม้กำลังจะเปลี่ยนสีค่ะ เปลี่ยนไปครึ่งตึก

ตรงบริเวณนั้นจะมี A-maze-ing Laughter แบบเห็นได้ชัดมากๆ เป็นประติมากรรมสำริด โดย Yue Minjun เป็นศิลปินชาวจีนร่วมสมัย ที่ทำให้รู้ว่าหุ่นนี้หัวเราะกันแบบมี feeling

และที่ไม่อยากให้พลาด บริเวณนั้นมี English Bay Beach แนะนำให้เลยมาถึง Sunset Beach จะเจอวิวสวยๆมองเห็นสะพาน Burrard Street Bridge บรรยากาศชิวค่ะ คนมาทำกิจกรรมตรงนี้เยอะ แล้ววกรถจักรยานกลับไปจุดเดิมตรง Sylvia Hotel

จังหวะขากลับเราจะผ่าน Engagement (งานหมั้น) เป็นรูปแหวนหมั้นขนาดยักษ์ทั้ง 2 วง มีนัยยะ และ ความหมายบางอย่างแอบแฝง แนะนำลองเข้าอ่านกันได้ในลิงค์นะคะ

จากนั้นเราก็ทำเรื่องคืนจักรยานปั่นไปทั้งสิ้น 2 ชั่วโมงเต็มแบบไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อค่ะ อาจเป็นเพราะอากาศดีๆ ทำให้เพลินได้ทั้งวัน แล้วมุ่งหน้าสู่ Granville Island เพื่อไปซื้อของ ไปดูวิถีผู้คน

ทางไปซับซ้อนระดับนึง เพราะเหมือนอยู่ใต้ทางด่วนเดินเปลี่ยวเหมือนกันจังหวะลงจากรถประจำทาง แต่พอมาถึงจุดก็จะเจอผู้คนมากมายค่ะ ที่นี่มีร้านอาหาร งาน Craft และ ของสดให้เลือกซื้อ

เรามาเจอของฝากที่เป็นต้นตำรับที่แคนาดาอย่างร้าน Norther Bars เขามีให้ชิมด้วยนะคะ และแอบเช็คราคามาแล้วถูกกว่าสนามบินนะคะ สามารถซื้อตรงนี้ได้เลย หรือไปเมืองอื่นแนะนำให้ลองซื้อเพราะแวนคูเวอร์ภาษีจะแพงกว่า

แล้วมุ่งหน้าไปทานอาหารเย็นที่ร้าน FAT MAO @ Downtown เป็นร้านอาหารไทยนะคะ ที่เขามีขายพวกก๋วยเตี๋ยวไทย และ เมนูไทยอื่นๆ มีชาไทยขายด้วย

ราคาอาหารไทยที่นี่ แรงใช้ได้ค่ะ แต่ด้วยคุณภาพ รสชาติ ของที่ให้มาก็เยอะสมราคาค่ะ จะเป็นชามใหญ่ๆ ตอนที่ทานแอบรู้สึกคล้ายๆร้านก๋วยเตี๋ยวรุ่งเรือง ด้วยตัวหมูสับ ต้มยำน้ำมะนาว ทำออกมาดี เครื่องครบค่ะ

ปิดท้ายวันด้วยก๋วยเตี๋ยวชามนี้ รู้สึกชีวิตแฮปปี้ขึ้นเยอะค่ะ อยากอาหารไทยมาหลายวันมาก ยอมจ่ายทุกอย่างจริงๆ

วันที่ 3: Gastown Steam Cock / Digital Orca / Fun Aly / Harbour Centre / Olympic Village

เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการเดินไปในโซนที่พักเขามีที่ดูวิวด้วยนะคะ Burnaby Height จะเห็นธรรมชาติ ภูเขาสดชื่นมากเลยค่ะ ที่เที่ยวแรกวันนี้เรามุ่งหน้าสู่ Gastown Steam Cock เป็นเหมือน Signature ของที่นี่ค่ะ ถูกสร้างขึ้นในปี 2520 โดย John Inshaw มีเพียง 2 เรือนในโลกค่ะ

อีกเรือนอยู่ที่เมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น ที่คนไทยรู้จักเพราะคลองน่ารักๆค่ะ ถ้ามาเดินตรงนี้แล้วแนะนำให้เดินเล่น เดินถ่ายรูปกันโซนนี้ ตรงนี้มีร้านขายของฝากด้วยนะคะ เราเจอของน่ารักๆที่เป็นของฝากจากที่นี่เพียบเลย

ตรงนี้มีตึก Microsoft ด้วยนะคะ สำนักงานตรงนี้สวยมาก จังหวะแสงลงด้วย แนะนำให้เดินไปถึง Hotel Europe เป็นบรรยากาศชิวๆ คลาสสิคมากเลย

สิ่งที่อยากเตือนเลยคือ บริเวณนี้ยังมีคน Homeless อยู่บ้างนะคะ ระวังตัวนิดนึงค่ะ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรนะคะ อย่าทำตัวโดดเด่น เกาะกลุ่มผู้คนเข้าไว้ค่ะ เพราะก่อนเราจะมาจุดนี้ เราผ่านการต่อรถที่ E hastings street มาก่อนตรงนั้นมีคนไร้บ้านทั้งเส้นถนนเลยค่ะ

จุดถัดไปที่เราอยากมาตามหาคือ Digital Orca เราจะเข้าสู่ย่านทันสมัยไม่คลาสสิคค่ะ นั่งรถมาเรื่อยๆมาลงบริเวณ Canada Place จะเจอบรรยากาศฟ้าสวย แสงดี อากาศดีมากๆค่ะสำหรับที่นี่

แค่เดินลงมาจะเจอบรรยากาศน่ารัก ฟ้าใส ริมทะเลสาป สิ่งก่อสร้างย่านนี้คือความโมเดิร์น ย่านนี้มี Office และ ของทานเล่นเพียบเลยค่ะ งานอาร์ตก็แซมอยู่ในจุดต่างๆ ให้ผู้คนได้ใช้จริง

แนะนำให้เดินเรียบๆไปจนเจอ The Drop ซึ่งเป็นบริเวณ Vancouver Convention Centre บรรยากาศชิวมาก เดินเข้าไปเราจะเจอ จุดจอดเรือ Seaplane ให้เราได้เห็นการขึ้น การลงของเครื่องบินกึ่งเรือค่ะ

ส่วนตัว The Drop เป็นประติมากรรม ทำจองความเป็นหยดน้ำ ที่ความท้าทายของงานชิ้นนี้คือ การบาลานซ์ และ ทำให้ชิ้นงานตั้งอยู่ได้ สร้างโดย Inges Idee เป็นชาวเยอรมัน ในปี 2008

เดินลึกเข้ามาเลียบชายฝั่ง จะเจอน้อง Digital Orca เป็นรูปปั้นวาฬเพชฌฆาต งานจาก Douglas Coupland ในปี 2009 น้องน่ารักมาก

ตรงนั้นก็มี Olympic Cauldron ถูกสร้างในปี 2010 ในจังหวะที่ แวนคูเวอร์ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก เป็นโอลิมปิกฤดูหนาว นอกจากจุดสเตเดียม ก็มีจุดนี้ค่ะที่มีความสำคัญในช่วงนั้น

นอกจากโซนนี้แล้ว เราจะมองเห็นตึก Office มากมาย เป็นสถาปัตยกรรมสวยๆ ในยุค Modern สุดๆค่ะ

ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปที่ฝั่ง North Vancouver มีเพื่อนคุณผึ้งรออยู่ค่ะ เพื่อนย้ายมาทำงานที่นี่จะพาไปถ่ายรูป และ ไปหาของอร่อยทานกันค่ะ

เรือข้ามฝากที่นี่สามารถใช้บัตร compass ได้ค่ะ เป็นเรืออย่างดี มีแอร์ และหน้าต่างให้มองเห็นวิวแต่ละฝั่ง สวยงาม อลังการมาก

ส่วนนี้เป็น วิวฝั่งแวนคูเวอร์ Main land ถ่ายมาจากสำนักงานของบริษัทที่เพื่อนเราทำงานอยู่ค่ะ โซนนี้มีอาหารไทย อาหารเวียดนามให้ทานด้วยค่ะ ได้ฟีลอาหารเอเชีย

จากนั้นเดินไปถ่ายรูปที่ Fun Alley เป็นมุมเก๋เล็กๆ งานอาร์ตสวยๆ ถนนบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบๆค่ะ เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากัน

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ จุดชมวิวสูงสุดของเมือง อย่าง vancouver lookout ต้องจ่ายค่าขึ้นนะคะ เลยเลือกไปทานอาหารชั้นใกล้ๆกันแทนค่ะ

อาหารด้านบนจะเป็น Fine Dining เลยค่ะ แต่เขาไม่บังคับสั่งนะคะ เราเลยสั่งน้ำดื่มคนละแก้ว แต่ราคาโอเคเลย ถูกกว่าการจ่ายเพื่อชมวิวเฉยๆอีกค่ะ

บนนี้จะหมุน 360 องศา ช้าๆ คล้ายกับตึกใหญ่ๆในกรุงเทพเลยค่ะ ที่ชั้นชมวิวจะหมุนไปเรื่อยๆ แต่วิวบนนี้ดีนะคะ ได้เห็นรอบเมืองเลย

ด้านบนเราจะเห็นผังเมือง โซนไหนเป็นโซน Logistic โซนไหนเป็นโซนตึกก็จะเป็นบล็อกๆ แต่ทุกที่จะเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีสวนขนาดใหญ่

จากนั้นเราก็แวะมาเดินเล่นที่ Olympic Village Walk บรรยากาศชิวมาก จังหวะแดดดี ลมพัดตลอดเวลา ตรงนี้มีคนมาออกกำลังกายเยอะนะคะ และมีคนมาเปิดหมวกแสดงความสามารถเยอะเช่นกัน

แล้วเพื่อนเราก็ชวนไปกิน หมาล่า ที่ร้าน Big Way Hot Pot ร้านดังที่ฮอตฮิตต้องจองผ่าน google Map แล้วค่อยไปค่ะ เขาคิดราคาแบบชั่งน้ำหนัก

ทุกคนจะต้องมาต่อแถวตักสิ่งที่อยากทาน มีหลายอย่างคล้ายที่เมืองไทยค่ะ คล้ายสุกี้จินด้าประมาณนั้นค่ะ แต่จะต่างกับไทยคือ เขาจะทำมาให้เราเลย เลือกซุป ชั่งน้ำหนัก แล้วไปปรุงน้ำจิ้มรอ แล้วไปรอที่โต๊ะเขาจะมาเสริฟ

โดยส่วนตัวชอบเมืองไทยมากกว่าค่ะ แต่ถ้าเทียบกับอาหารที่นี่ เรามองว่าถูกปาก และ ราคาไม่แพงเลยถ้าได้ทานขนาดนี้ที่ตัก ถือว่ามีความสุขกับการกินมากๆค่ะ

จบแล้วค่ะสำหรับการมาเที่ยวแวนคูเวอร์ แบบ 2 วันเต็มๆ ค่ำวันนั้นเราก็กลับมาเก็บของ เตรียมบินกลับเมืองไทย ของฝากเพียบเลย ถือเป็นอีกเมืองที่ดี มีอะไรให้ทำแบบเงียบๆ

แล้วก็ไม่ลืมที่จะลองของ Original ที่สนามบินค่ะ แล้วเจอกันใหม่เมืองหน้า

Exit mobile version