Moraine Lake รีวิว – สำหรับใครที่เป็นสาย Activity มีเวลาเหลือสำหรับทำกิจกรรม ที่ Moraine Lake ไม่ได้มีแค่วิวให้ชมนะคะ แต่มีกิจกรรมสนุกๆอย่างการพายเรือในราคาสุดพีค และ เส้นทาง trekking เบาๆ ในระยะสั้นไปประมาณ 5 กิโลนิดๆ ได้เห็นเส้นทางยาวๆ หลาย Landscape รีวิวนี้ขอเก็บภาพทั้ง 3 Landscapes มาฝากกันค่ะ
Moraine Lake รีวิวเส้นทาง 1 วัน
1. Moraine Lake
จุดเริ่มต้นของการจะมาที่นี่ได้ คือ เราต้องจองรถบัสที่จะพาเราขึ้นมาที่นี่ได้ ซึ่งตั๋วรถรัฐบาล และ เอกชนจะแตกต่างกันมากค่ะ แนะนำให้ดู เว็บนี้ เป็นหลักค่ะ เราใช้บริการ Alpine รอบตี 5 เพราะอยากไปชมพระอาทิตย์ขึ้น อีกเรื่องที่ต้องรู้คือ ที่นี่มี Period เปิดปิด ไม่ได้เข้าได้ทั้งปีนะคะ ต้องวางแผน
สำหรับใครที่ขับรถมา ต้องนำรถมาจอดในพื้นที่ๆเขาให้จอดนะคะ และเสียค่าจอดรถด้วย กดที่ตู้ใช้บัตรเครดิต บัตร Travel Card จ่ายได้ค่ะ และสำหรับใครที่ใช้บริการทัวร์ที่บริการรับส่งเราที่ Moraine Lake ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยค่ะ
ไม่นานนักรถบัสจะพาเราขึ้นไปด้านบน บริเวณด้านบนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใดๆนะคะ และจะมีเส้นทางให้เลือกเดิน ถ้าอยากชมวิวก่อนให้เลือกเดินมาที่ Rockpile ถ้าจำไม่ผิดจะเดินตามทางประมาณ 700 เมตร ก็จะเจอจุดชมวิวค่ะ
วิวด้านบนสามารถชมได้หลายมุมค่ะ อย่าไปออกันตรงป้าย บริเวณโขดหินต่างๆก็ชมวิวได้เหมือนกันค่ะ เผื่อเวลาดื่มด่ำตรงนี้สักประมาณ 1 ชั่วโมง รับรองว่าได้รูปครบทุกมุมค่ะ และสามารถปีนหินลงมาด้านล่างทะเลสาปได้เลย แต่ต้องระวังค่ะ จะกลับไปเดินทางดีๆก็ได้ (อ้อม)
ส่วนเรื่อง พายเรือ หลายคนแอบสงสัย พายที่ Lake Louise หรือที่ Moraine Lake สวยกว่ากัน ต้องขอบอกเลยว่าฝั่ง Moraine Lake จะกว้างกว่า และมีมุมหลากหลายกว่าค่ะ แต่ถ้าเข้าสู่หน้าหนาวปุ๊ป จะมีมีบริการเช่าเรือพายทันที ต้องวางแผนทริปดีๆค่ะ
ส่วนเรื่องราคาพายเรือที่นี่ ขอยกให้เป็นการพายเรือที่แพงที่สุดในชีวิต 1 ชั่วโมง 193.20 CAD (4,800 บาท) ราคารวมทิปส์ สามารถนั่งกันได้ 3 คน มีอุปกรณ์ทุกอย่างได้มาตรฐานความปลอดภัยให้ครบค่ะ วันที่พาย น้ำอุณหภูมิ 5 องศา แนะนำให้พายช่วงบ่าย เพราะแดดออก อบอุ่น ถ่ายรูปสวยค่ะ
2. Larch Valley
เอาใจสาย trekking กันบ้างค่ะ ที่นี่มีเส้นทางเดินป่านะคะ คนที่นี่ และ คนทั่วโลกก็นิยมมาเดินกันที่เส้นทางนี้ จุดเริ่มต้นอยู่ใกล้กับจุดเช่าเรือค่ะ ป้ายจุดเริ่มต้นเขียนไว้ชัดค่ะ ว่าไปจุดไหนกี่กิโล
เริ่มต้นเส้นทาง ทางมีแต่จะชัน แล้วก็ชันค่ะ ไม่ได้มีจุดพักเหมือนประเทศไทย ไม่มีของกินขาย ทุกอย่างต้องเตรียมไปเอง พอขึ้นที่สูงถึงจะมีเส้นทางราบให้เราได้สัมผัสกับวิวสุดว้าวค่ะ ตอนที่เราไปอากาศไม่ค่อยดีนะคะ ฟ้าไม่เปิด มีลมตลอดเวลา
จุดที่อย่าลืมถ่ายรูปเลย จะเป็นช่วงที่มีสะพานไม้อย่างดี พาดผ่านเส้นทางน้ำ แต่วันที่ไปไม่มีน้ำนะคะ เข้าใจว่ากำลังเข้าสู่หน้าหนาว ใบไม้เพิ่งกำลังเปลี่ยนสีค่ะ ยังมีเขียวๆแซม แต่ถ้ามาช้ากว่านี้ 2 สัปดาห์ เรือจะปิดค่ะ เลยยอมมาช่วงปลายกันยายน
โดยส่วนตัว รู้สึกว่าวิวช่วงนี้จะสวยที่สุดสำหรับการ Trekking ครั้งนี้ค่ะ ด้วยตัวทิวเขาที่เห็น ต้นไม้ที่เปลี่ยนสีแซมๆ มันดูแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆในโลกใบนี้ค่ะ แต่เดินขึ้นมาแล้วเราก็พร้อมจะเดินไกลเข้าไปอีก เพื่อไปให้ถึง Sentinel Pass
3. Sentinel Pass
เส้นทางตรงนี้ จะเป็นพื้นที่รอบ ที่ลมแรงมากๆค่ะ เป็นจุดที่เราตั้งใจจะไม่ไปต่อแล้ว เพราะรู้สึกว่าวิวเริ่มซ้ำ จึงหาที่สำหรับนั่งทานอาหารกลางวันค่ะ สิ่งที่พกมาคือ ขนมปัง และ ทูน่า สัมผัสได้เลยว่านี่เป็นมื้อที่อร่อยมากๆ ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว
และด้วยความสงสัย ว่าทะเลสาปในตำนานที่ว่า มันหน้าตาแบบไหน เลยลงทุนเดินอีกสักนิดค่ะ เพื่อไปถึง เดินนิดเดียวจริงๆค่ะ
Eiffel Lake
จุดสุดท้ายที่เรามาถึงของการ Trekking ครั้งนี้คือ การตามหาทะเลสาป Eiffel Lake ในสภาวะอากาศปิด ท้องฟ้าไม่แจ่มใส ขอบอกเลยว่า อาจจะหยุดั้งแต่ Sentinel Pass เพราะถ้าน้ำไม่มีแสงส่อง มันก็ธรรมดามากๆเลยค่ะ
ตามจริงเส้นทางตรงนี้ สามารถเดินต่อไปได้ถึง Wenkchemna pass มีชาวต่างชาติไม่น้อยที่เดินต่อกันแบบจริงจังค่ะ แต่วันที่ไป อากาศเป็นประมาณนี้จริงๆ เลยขอหยุดที่ตรงนี้ สูงกว่านี้ก็ไม่มีวี่แววจะสวยค่ะ
ใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงสำหรับเดินลงมาค่ะ แนะนำให้แวะดื่มอะไรอุ่นที่ Moraine Lake Lodge พักขาสักครู่ ก่อนจะเดินไปที่จอดรถบัส เข้าป้ายให้ถูกที่นะคะ เราซื้อตั๋วของเจ้าไหนไว้ ก็ใช้บริการ และ จำเวลาวิ่งของเขาไว้ค่ะ