Site icon 6 AUGUST JOURNEY

รีวิว ซานฟรานซิสโก (San Francisco) ในเวลาจำกัด 48 ชั่วโมง ไปเที่ยวไหนกันบ้าง

รีวิว ซานฟรานซิสโก

รีวิว ซานฟรานซิสโก (San Francisco) – สำหรับใครที่มีแพลนเดินทางมาเที่ยวที่นี่แต่มีเวลาเที่ยวน้อยแบบเรา เรามาแชร์คู่มือการเดินทางให้ตามกันค่ะ เพราะทริปนี้ตามจริงเรามีแพลนไปเที่ยวแคนาดาเป็นหลัก แต่ได้ตั๋วถูก ไป-กลับ มาลงซานฟรานซิสโก เลยต้องเที่ยวกันสักหน่อยค่ะ

รีวิว ซานฟรานซิสโก (งบ และ แผนที่เที่ยว)

รีวิว ซานฟรานซิสโก (เตรียมตัวอะไรบ้าง)

เริ่มออกเดินทาง

การเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการสายการบิน Philippine Airlines (รีวิว) เป็น Full Service ค่ะ โดยส่วนตัวไม่เจออะไรที่ไม่ดีค่ะ ข้อดีของสายการบินนี้คือ เส้นทาง USA จะมีตั๋วถูกมาบ่อยค่ะ และ อาหารอร่อยถูกปากค่ะ ลองอ่านรีวิวฉบับเต็มได้

เราบินมาถึงที่นี่ประมาณ 4 ทุ่มค่ะ ตม. ไม่ถามอะไรเลย ถามแค่ว่าชื่อนี้ใช่ไหม แล้วก็ welcome จากนั้นก็เรียก Uber เพื่อจะเรียกตรงไปส่งที่พักค่ะ ถ้ากระเป๋า 2 ใบควรเรียก Uber XL นะคะ และ อ่านด้วยนะว่าจุดรับผู้โดยสารอยู่บริเวณใดของสนามบิน

ที่พักเราเลือกใช้บริการ Airbnb ค่ะ เลือกพักในย่าน Private อย่าง 24th Ave (Lincoln Way) เพื่อตัดปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัยจาก Homeless และมีรถเมล์ผ่านแบบเดินไม่ไกล ผังเมืองเขาโอเคมาก จะมีรถเมล์ผ่านแบบต้นซอยท้ายซอย

ที่พักโอเคเลยค่ะ เรื่องความสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ขาดตกบกพร่อง มีขนม มี น้ำเปล่าเป็นขวดบริการ ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม แต่มีข้อเสียคือ เขาไม่ใช่โรงแรมพวกกระเป๋าต้องขนขึ้นด้านบนเองค่ะ และ Internet ไม่ค่อยโอเคเท่าไร แต่มีฟีดแบคไปแล้ว

วันที่ 1: Pier 39 – นั่งรถรางเล่น – Golden Gate Bridge – China Town

เริ่มเช้าวันแรก Jet lag กันทั้งแก๊งค่ะ ตี 4 ก็ตื่นแล้ว เลยดู Map เพื่อจะหาอาหารเช้าทานค่ะ มีไอเดียว่าจะลองวิ่งไปทานอาหารเช้ากัน แถวที่พักเราเป็นสวนขนาดใหญ่ชื่อว่า Golden Gate Park หมอกลงมากเลยค่ะเช้าวันนี้ อากาศเย็นสบาย

การตื่นเช้าย่านนี้จะได้พบเห็นอะไรแปลกใหม่เช่น รถเก็บขยะอัตโนมัติ ที่มี 1 คนทำงานเป็นคนขับ ที่เหลือกดปุ่มจะมีระบบดึงถังขยะเทเข้าตัวรถ แล้วกลับมาวาง ตัวขนขับก็จะเข็นเก็บที่เดิม ทำงานคนเดียวจบ นอกจากนั้นยังได้ไปเดิน Market ในย่านด้วยค่ะ ผัก ผลไม้แถบอเมริกาใต้เพียบเลย แปลกดี

อาหารมื้อแรกของเราเป็น Starbuck เพราะเป็นร้านเดียวที่เปิดเช้าค่ะ ร้านส่วนใหญ่คือเปิดสายแบบ 11:00 เป็นต้น อยากรีบทานจะได้ออกจากบ้านไปเที่ยวเร็วขึ้น

เมื่อพร้อมเดินทาง เตรียมบัตรให้พร้อมค่ะ เราเลือกใช้บริการขนส่งของ Muni (รายละเอียดเส้นทาง) เขามีบริการแบบ One-day Pass ด้วยอยู่ที่วันละ 13$ สามารถซื้อผ่าน Mobile Application จ่ายเงินผ่าน App ได้เลย หรือจะไปซื้อที่ตู้ Muni Ticket Box ที่ตั้งอยู่รอบเมือง จะเป็นกระดาษขูดๆ เหมือนขูดหวยเลย

แล้วเวลาเดินทาง แนะนำให้เปิด Application ของ Muni เพราะเขาจะแสดงรถโดยสาร จุดต่อรถต่างๆมาให้ค่ะ กันขึ้นรถผิดแล้วใช้บัตรไม่ได้ เพราะรถบางคันเป็น BART เซฟตัวเองที่สุดค่ะ

จุดมุ่งหมายแรกของวันนี้คือ Pier 39 ที่นี่มีอะไรให้ทำเยอะมากค่ะ เป็นท่าเรือบรรยากาศดี ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมากัน คล้าย Asiatique บ้านเราเลย มีร้านของที่ระลึกให้เลือกซื้อของเพียบ ราคาถูกกว่าในสนามบิน

อีก 1 สิ่งที่ทุกคนที่มาที่นี่ต้องทำ คือมาดูชีวิต Sea Lion เพราะจะมีโซนรวมตัวกันของน้องๆ แบบไม่ต้องเสียเงินเข้าชม แค่มาฟังเสียงอุ๋งๆของน้องก็มีความสุขแล้ว ร้องกันระงมมากเลย ร้องอุ๋งๆจริงๆ

นอกจากนั้นที่นี่ยังมี โซนเครื่องเล่น เช่นม้าหมุน เครื่อง Plunge เครื่อง flyer ต่างๆบริการด้วยค่ะ โรงโชว์แบบ 4D เอาจริงไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวค่ะที่มาที่นี่ คนท้องถิ่นก็มาเดินเล่นกัน

และสำหรับใครที่พอมีเวลา และ เข้าใจภาษาแนะนำลองซื้อ One-day trip ไปที่นี่กันค่ะ Alcatraz ขึ้นเรือที่ Pier 33 มีค่าข้ามเรือ และ Audio Tour ให้เราได้พกพา เดินฟังค่ะ ที่นี่เป็นคุกในตำนานที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด สำหรับคุมขังนักโทษคดีร้ายแรง

บริเวณนี้สามารถเดินได้ทั่วเลยค่ะ ในวันที่อากาศดีๆ 16 องศาแบบนี้ เจอแสงแดดเบาๆ เราสามารถลงรถตั้งแต่ Pier 14 เดินดูของ เดินตากอากาศมาเรื่อยๆจนถึง Pier 39 เราเดินมาแล้ว

ขอพูดถึงเรื่องกินกันบ้างค่ะ โซนนี้มีร้านดีๆหลายร้านเลย แต่มาถึง San Francisco ก็ต้องลองร้าน Boudin ก่อตั้งมาแล้ว 172 ปี เขาดังเรื่อง ขนมปังเปรี้ยวแป้งหมัก (Sourdough) เมนูดังเขาคือ Clam Chowder มีหลายสาขาค่ะ เราไปลองที่สนามบินมา

และมื้อที่แพงที่สุดของทริปนี้ก็มาค่ะ ล็อบสเตอร์อย่างดีที่ร้าน Cousine Maine Lobster เราสั่งแบบ Roll และ Taco บีบมะนาวหน่อยก็อร่อยแล้ว อร่อยด้วยตัวขนมปังเอง ความสดของ Lobster ด้วย มื้อนี้หมดไปประมาณ 67 USD (2,211 THB) แต่หาร 3 คนก็โอเคกับความอร่อย

เดินไปเรื่อยๆ จะเจอร้านอาหารทะเลเพียบเลยค่ะ เป็นระเบียบเรียบร้อย ลองดูคะแนนใน Yelp ควบคู่ไปด้วยจะได้ร้านที่ตรงใจแน่นอนค่ะ ความเก๋ของย่านนี้อีกเรื่องถ้ามาอย่าลืมมาใช้บริการกันคือ ห้องน้ำสาธารณะ

มันเป็นห้องน้ำอัตโนมัติค่ะ แบบจะเดินเข้าไปก็ต้อง touch screen ระบบจะรู้ว่าเราเข้าไปแล้วมันจะล็อค ความเก๋สุดยกให้ การทำความสะอาดอัตโนมัติ คืออย่าตกใจถ้าเข้าไปไม่มีปุ๋มกดใดๆ มันทำความสะอาดด้วยตัวเองค่ะ

จากนั้นเราจะเดินมาเจอต้นทางของรถรางที่นี่คือ Powell & Hyde Cable Car Turntable ตามจริงเขาเป็นรถโดยสารทั่วไปค่ะ แต่มีความพาเที่ยวไปในตัว เราโชคดีอย่างตรงที่เจอเจ้าหน้าที่ควบคุมรถน่ารักมากเลย เขาเห็นเราถือกล้อง

เขาก็ชวนเรามาถ่ายรูปตรงนี้ ตรงนั้น เหมือนบอกจุดไฮไลท์ทั้งหมด มีการสอนเราไปนั่งตรงนี้ ไปห้อยโหนตรงนี้ได้นะ ตอนแรกเข้าใจว่าจะผิดกฎหรือเปล่า แต่เขาสอนเองค่ะ อิอิ

แล้วก็มาอยู่ปลายทางกันค่ะ เหมือนได้นั่งรถเที่ยวรอบเมืองในไม่กี่นาที บัตร Muni ที่ขึ้น Cable Car ได้คือคุ้มนะ เพราะเขามีแบบขึ้นไม่ได้ ขาย 5$ ด้วยแบบ One-day ลองวางแผนทริปเอาค่ะ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ Golden Gate Bridge ซึ่งเขามีหลายจุดให้ถ่ายรูปในมุมต่างๆ แต่ทริปเราเวลาจำกัดเลยขอเน้นแค่จุดที่เดินลงรถเมล์มาแล้วถึง ถ่ายได้เลยจุดแรกที่เราไปลงคือ H. Dana Bowers Memorial Vista Point

จุดนี้ตามจริงรถของ Muni มาไม่ถึงนะคะ แต่จะเป็นรถของ BART ที่มาถึง เสียค่ารถเมล์แบบจุกๆเหมือนกัน เพราะเหมือนเขาคิดแบบเหมาๆ

และเราก็เดินกลับมาที่จุด Golden Gate Bridge Vista Point South ระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร ลมแรงมากค่ะ และ หนาวมากๆ แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยค่ะ

บนสะพาน Golden Gate จะมีเลนสำหรับคนเดิน และ เลนสำหรับจักรยานอย่างชัดเจนนะคะ เดินต้องระวัง แนะนำให้ดูทุกถนนเลยค่ะ เพราะที่ USA-CANADA ส่วนใหญ่ถนนบางเส้นเป็นแบบนี้

จุด Golden Gate Bridge Vista Point South จะมีจุดเล่าประวัติ และ เทคโนโลยีการสร้าง มีสวน ทางจักรยาน และ มีของที่ระลึกขายด้วยค่ะ จุดนี้เองรถ Muni ยังมาถึงนะคะ จะมีรถวนมาสาย 28

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ China Town เพื่อหาของกินอร่อยๆ ที่ดูมาไว้ที่นี่จะมีร้านอาหารจีนสุดโด่งดัง ที่คนดังอย่างอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า มาทานอย่างร้าน Z & Y Restaurant เอาจริงไม่ได้ปังขนาดนั้น

ทางอาหารเสร็จแนะนำให้เดินเล่นต่อแถวนั้นค่ะ เพราะมันจะโซนๆ Down Town จะเจอผู้คน น้องหมา และเจอคน Homeless ด้วยค่ะ

อยากให้สังเกตความเก๋ของที่นี่คือ การจอดรถของคนที่นี่ค่ะ ความที่เขาเหมือนอยู่บนเขา มีความชัน skill ในการถอยรถ จอดรถ ต้องมีการหันล้อแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องหาก้อนหินมายันไว้นะ

วันที่ 2: The Painted Ladies

เช้าวันนี้เรามาหา breakfast ทานที่ร้าน Arizmendi Bakery แต่คนแน่นยืนรอเต็มหน้าร้านเลยค่ะ เลยเดินหาร้านที่เปิดแถวนั้นเจอ Art’s Cafe เป็นร้านอาหารเกาหลี ทำหายอยากอาหารเอเชียไปเลย

โซนนั้นจะมีร้านกาแฟ Beanery Coffee Roasters บริการด้วยค่ะ รสชาติกาแฟดีเลยค่ะ ความครีมมี่ ความเมล็ดกาแฟที่เขาเบลนด์มา ถือว่าทำดีมาก ประทับใจ

จากนั้นเราก็ใช้บริการ Muni มุ่งหน้าสู่ The Painted Ladies เป็นบ้านบ้านสไตล์วิกตอเรียน เน้นทาสีให้เกิน 3 สีและเกิดสีความน่ารักวินเทจมาก และมีบ้านสไตล์นี้ สีวินเทจแบบนี้ทั่วเมืองเลยค่ะ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ Pier 39 อีกครั้งเพื่อซื้อของฝากก่อนมุ่งหน้าไปที่ แคนาดา เพื่อเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่ติดอันดับโลกอย่าง Banff National Park (รีวิว)

Exit mobile version