วีซ่าอเมริการีวิว แชร์ประสบการณ์ทำวีซ่า สหรัฐอเมริกา (USA) ปี 2024

August 4, 2024
1.7K views
11 mins read
วีซ่าอเมริการีวิว

วีซ่าอเมริการีวิว (USA) ปี 2024 – วีซ่าอเมริกา ขึ้นชื่อในเรื่องการทำที่ยากค่ะ แต่เป็นอีก 1 วีซ่าที่ได้มาแล้วคุ้ม เพราะสามารถใช้วีซ่าตัวนี้ ไปขอ ETA เพื่อไปเที่ยวประเทศอื่นในโซนนั้นต่อได้แบบไม่ต้องทำวีซ่า อย่างครั้งนี้เรามีแพลนเที่ยว แคนาดา (Canada) จึงสามารถนำวีซ่า USA ยื่นทำ ETA ได้ เพิ่มเงินอีกประมาณ 200 บาทก็ได้มาแล้วค่ะ

รายละเอียก VISA ที่ทำ

  • สำหรับวีซ่า B1/B2 (ท่องเที่ยว)
  • คนขอวีซ่าตัวนี้ห้ามเข้าประเทศเพื่อทำงาน
  • อยู่เมกาได้นานสุด 6 เดือน
  • วีซ่าที่ได้มีอายุ 10 ปี

ขอรายงานวิธีการเตรียมตัว จน ถึงการทำวีซ่าจนแล้วเสร็จแบ่งเป็น 5 เฟสดังนี้ค่ะ

เฟส1: กรอกข้อมูล DS-160 (ในเว็บสถานทูต)

เป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุด ที่ต้องตั้งใจกรอกเพราะ วีซ่า USA ไม่ได้ให้แนบเอกสารใดๆไม่เหมือนออสเตรเลีย หรือ เชงเก้น ส่วนนี้จึงต้องตั้งใจกรอก ตามความเป็นจริง ข้อมูลส่วนตัวหน้าที่การงาน จุดประสงค์การไป 

  • เซฟเอกสารต่างๆเก็บไว้ด้วยหลังกรอก
  • รหัสต่างๆ จดไว้ด้วย เพราะต้องมาใช้ต่อในขั้นตอนถัดไป
  • สามารถกรอกได้ที่ https://th.usembassy.gov/visas/

เฟส 2: จ่ายเงินค่าวีซ่า

กรอกทั้งหมดเรียบร้อยจะได้รหัสสำหรับไป ชำระเงินยอด 7,xxx  แนะนำให้ไปจ่ายที่ ธนาคารกรุงศรี เพราะอีกวันจะขึ้นในระบบเลย จากนั้นจึงเอาเลขที่จดไว้ในขั้นตอนแรกมากรอกเพื่อไปหน้าจอง วันเวลา รอบสัมภาษณ์ ล่าสุด เรารอ 3 เดือน กว่าจะได้สัมภาษณ์

  • แนะนำเซฟเอกสารที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้

เฟส 3: เตรียมตัวมาสัมภาษณ์

เอกสารที่ต้องมีแน่ๆ คือ ภาพถ่าย 2“x 2” , ใบ confirmation, DS-160, พาสปอร์ต ส่วนเอกสารเสริม เจ้าหน้าที่แทบไม่ดู แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่ามีประโยชน์ คือ ใบรับรองทำงานที่บริษัทออกให้ ส่วนเอกสารอื่นที่นิยมเตรียมกันจะมี แต่เขาแทบไม่ดูเลย จึงไปเน้นตอนกรอก DS-160

เฟส 4: การเดินทางมาสถานทูต

วิธีง่ายสุดคือ BTS เพลินจิต ทางออกโรงแรม Okura แล้วเลือกได้เลยว่าจะไปยังไงต่อ
> วินมอไซค์ 20 บาท
> รถเมล์สาย 62
> เดินก็ได้ เพราะเราก็เดินออกมา

เฟส 5: ขั้นตอนทั้งหมดในสถานทูต

1. หน้าสถานทูตจะตรวจใบ confirmation เราก่อน แล้วเขาจะแปะ Sticker EMS ที่ท้ายเล่มพาสปอร์ตเรา

2. ตรวจอาวุธ เราต้องฝากเครื่องมือสื่อสารไว้ แต่พวกของต้องห้าม เช่น Power bank วัตถุติดไฟ ไม่รับฝาก ใครมีเพื่อนมาด้วย ก็ฝากไว้ข้างนอก แต่ถ้าไม่มี ต้องเลือกว่าจะทิ้ง หรือ เดินไปตลาด มีรับฝากของ 100฿

3. เข้าไปนั่งรอจุดแรก เพื่อรอเรียกคิว เขาจะเรียกตามเวลานัด ต้องจำดีๆ ว่าเรานัดกี่โมง เขาจะเรียกเป็นล็อต ถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่จะตรวจรูป และ พาสปอร์ตเท่านั้น และถามว่ารูปนี้ถ่ายมาเมื่อไร สิ่งที่เจ้าหน้าที่ชี้แนะคือ เข้าไปจุดถัดไป ต้องเลี้ยวซ้าย ขวา หรือ ไปต่อคิว

4. จุดนี้ถ้าใครไม่มีปัญหาเรื่องรูปก็มาต่อคิวเพื่อเก็บลายนิ้วมือ มีการตรวจเอกสารเล็กน้อย แต่สำหรับใครรูปมีปัญหา ต้องถ่ายตรงนั้นต้องเตรียมเงินให้พอ 150฿ เพราะเขาไม่มีทอน

5. ไปต่อคิวเก็บลายนิ้วมือ คุยกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อย

6. ยืนยันลายนิ้วมืออีกรอบ

7. สัมภาษณ์จริง เหมือนช่องรับยาใน รพ แบ่งเป็นหลายช่อง มีแถวเดียว ช่องไหนว่างก็เข้า เจ้าหน้าที่เป็น USA ทั้งหมด ที่พูดไทยได้ จุดนี้เองมีทั้งคนสมหวัง และ ผิดหวัง ถ้าไม่ผ่านเขาก็ไม่มีเหตุผลใดๆให้ (ดูจากหลายคนก่อนหน้า)

8. จังหวะที่ยื่นพาสปอร์ต แนะนำชิงยื่นใบสำคัญ ที่เขาเห็นแล้วตัดสินใจเชื่อเราแน่ๆ อย่างเราชิงยื่นใบรับรองของบริษัทด้วยเลย เขาก็บอกว่าเอามาก็ได้ แต่ดูแค่แว๊บเดียว เหมือนเขามีผลลัพธ์ในใจแล้ว

9. คำถามที่โดนถาม

  • ไปทำอะไร ถ้าเที่ยวแนะนำให้เล่ายาวๆ อย่าบอกแค่เที่ยว อย่างเราจะเล่าเลยว่าจะเที่ยวที่ไหนกี่วัน แล้วไปตรงไหนต่อ เขาก็ถามย้ำ เที่ยวแค่ แคลิฟอเนียร์หรอ
  • เคยไปที่ไหนมาบ้าง ก็เลือกตอบแต่ประเทศดีๆ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และหลายประเทศในอาเซียน ล่าสุดไปดู Taylor Swift มาค่ะ
  • เคยมาที่นี่มั้ย แล้ว จะมากี่วัน เราตอบไม่เคย และ จะไป 9 วัน Annual leave เหลือเท่านี้
  • งานที่ทำๆอะไรบ้าง ก็เล่าปกติ ตามความเป็นจริงที่เคยกรอกไว้

เท่านี้ก็ผ่านค่ะ สักประมาณ 1-2 วันก็ได้วีซ่าแล้ว และ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเตรียมตัวสำหรับการไปทำวีซ่า และ ผ่านทุกคนนะคะ

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้