รีวิวพัทลุง 2 วัน 1 คืน เที่ยวเพลินไม่ต้องลางาน

March 15, 2020
838 views
16 mins read

รีวิวพัทลุง – อ่านไม่ผิดค่ะซิสสส เมื่อพัทลุงไม่ต้องลางาน 2 วัน 1 คืนก็เที่ยวได้แบบหอมปากหอมคอ แต่จะไปเน้นใช้ชีวิตกันตอนพลบค่ำ และ เช้าตรู่กัน แถมพาไปเดินตลาดที่ของถูกที่สุดในโลกแบบพกมา 100 บาทก็อิ่มสุดตามเรามา 6 August Journey จะพาไปเที่ยวพัทลุงกัน

 

2 วันนี้เราไปไหนมาบ้าง?


 

เตรียมตัวอะไรบ้าง?


  • สนามบินที่อยู่ใกล้พัทลุงคือ สนามบินตรัง หรือใครจะแวะเที่ยวที่อื่นด้วยก็ได้
  • ที่พักที่ดังของที่นี่ยกให้ ศรีปากประ
  • กิจกรรมไฮไลต์คือ ล่องทะเลน้อย
  • จองรถทัวร์ออนไลน์ได้ที่นี่: คลิกที่นี่

 

THE 1ST DAY : บุกป่าสาคูแท้ สานกระเป๋ากระจูด ดินเนอร์ที่ศรีปากปะ

เราเดินทางมาจาก นครศรีธรรมราช หรือจะสนามบินตรังก็ได้เอาที่สะดวกค่ะซิสสส แล้วว๊าปมาที่ป่าสาคู ที่ทางวิสาหกิจชุมชนยายฉุย จะพาเราเยี่ยมชมป่าสาคู ตัดมาจากต้น และมาผ่านกรรมวิธีจนได้กินค่ะซิสสส อร่อยเวอร์

จากต้นสาคูที่เราเห็น สไลด์จนได้สิ่งที่คล้ายๆแป้ง นำไปผ่านน้ำ ร่อนๆตอนมันแห้งมันก็เป็นกลมๆเลยนะ แล้วเขาก็เตรียมหม้อต้มน้ำเดือด ค่อยใส่ลงไป สิ่งที่ต้องทำคือต้องคนตลอดเวลา สุดท้ายใส่มะพร้าว น้ำตาล อร่อยสุดใจด้วยการราดกะทิ

ใกล้ๆกันกับ ชุมชนยายฉุย จะมีร้านขนมหวานชื่อดังอย่าง ร้านขนมหวานป้ากี้ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ขนมหวานก็ถ้วยละ 10 บาท และคนเยอะมากค่ะซิสสส นั่งทานกันอย่างกับก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ นับถ้วยตอนคิดเงิน

อิ่มแล้ว อิ่มไปด้วยขนมหวานค่ะซิสสส เราไป Shopping กันต่อ ของดีเมืองพัทลุง ถ้าเจอบน Paragon ราคาจะปังที่ 3,000 บาท แต่นี่เจอกันที่นี่อยู่ 150 บาทเป็นต้นไป สำหรับกระเป๋ากระจูด ที่ร้านกระจูดวรรณี

ที่นี่เขามี Product ที่แบบว่าดูแพง ดูปัง ดูสมัยใหม่ ไม่ใช่ตะกร้าสานอาม่าใช้ไปตลาดอีกต่อไป ทำออกมาได้แกรนด์มาก ปักเป็นหน้าเราได้เลย เริ่มต้นที่ 150 บาทต่อใบ แถมเราสามารถนั่งทำเองได้

เลือกกระเป๋าสักใบ และ เขามีสีอะคริลิค ให้เราได้ใช้กัน ระบายง่ายมากแปบเดียวเสร็จ อยากได้ Gucci ณ พัทลุง ที่นี่ก็มี สีเป๊ะเลย ทำเสร็จก็ตากลมได้เลยค่ะซิสสส

ใช้เวลาทำกระเป๋า รอกระเป๋าแห้งสักพักก็ค่ำค่ะซิสสส แนะนำเลยใครมาพัทลุง ร้านที่ไม่ควรพลาดที่จะมาดินเนอร์อย่างร้าน ศรีปากประรีสอร์ท บรรยากาศร้านริมน้ำจริงๆ อาหารอร่อยมาก

เป็นการทานข้าวที่หัวปลิวมาก เพราะลมเข้าจากทะเลน้อย แต่บรรยากาศดี ยอมรับเลยแบบมีดนตรีสด เพลงพื้นบ้าน เมนูอาหารที่แนะนำ และ ซื้อไปฝากคนที่กรุงเทพได้คือ ปลาดุกร้า

ที่ชอบอีกเมนูคือกุ้งเผาที่นี่ กุ้งตัวใหญ่มาก ใหญ่แบบกินคนเดียว 1 ตัวก็อิ่ม แถมมีมันที่หัวด้วยค่ะซิสสส สุดปังจริงๆมื้อนี้ อีกเมนูที่อยากให้ลองคือ ตำสายบัวที่มาทานพร้อมขนมขบเคี้ยว

ทานข้าวก็ทานที่ ศรีปากประ แน่นอนว่าพักก็จะไม่พลาดที่จะนอนที่ศรีปากประ เพื่อความสะดวก ในการจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลน้อย

THE 2ND DAY : ล่องทะเลน้อย ชมวิวพัทลุง เดินตลาดสุดปังที่ถูกที่สุดในชีวิต

ตื่นแต่เช้ามืดค่ะซิสสส เพื่อมาดูแสงแรกที่ทะเลน้อยพัทลุง วิวที่หลายคนเห็นแล้วรู้ว่าที่นี่คือจังหวัดอะไร ตื่นแต่เช้ามานั่งรับสาระดีๆเข้าหัวกันโดยวิทยากรประจำที่นี่ แถมเป็นนักอนุรักษ์ตัวยงด้วย

แล้วค่อยถยอยกันเดินลงเรือ เปิดโอกาสได้แฉะรูปตรงนี้กันก่อน ตรงที่มีวิถีการประมงแบบสมัยก่อน แต่บอกเลยว่าน้ำบริเวณนี้เชี่ยวมากจนน่ากลัว

ก่อนที่จะเข้าไปล่องเรือกันในทะเลน้อยจริงๆ ทำเอาเรานึกถึงทะเลสาปอินเลที่พม่าเลยค่ะซิสสส ที่นี่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์อันดับต้นๆของประเทศเลย

ในน้ำมีปลา บนฟ้ามีนก และระหว่างทางคือต้นไม้ คือป่า ที่อุดมสมบูรณ์สุดๆ ยังรู้สึกขอบคุณชาวบ้านแถวนี้จริงๆ ที่ช่วยกันดูแลที่นี่ รู้สึกมั่นใจว่าคนรุ่นหลังก็จะได้เห็นธรรมชาติแบบนี้

ล่องเรือไปเรื่อยๆ จะเจอ Unseen Thailand อีกอย่างนึงคือ ควายทะเล หรือ ควายที่ลงมาเล่นน้ำ เพราะใต้น้ำมีหญ้ากิน มากันเป็นฝูง หาง่ายมาก แต่แอบสงสารที่ทุกวันนี้มีเรือนักท่องเที่ยวมาล้อมถ่ายรูปมัน

แล่นไปเรื่อยๆ จะเจอทะเลบัวแดง ที่ช่วงที่เราไปอาจจะไม่ค่อยเห็นบัวนักเท่าไร ก็ก็เพลินได้ระดับนึง จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก ออกมาเช้าก็จะไม่ร้อนแดดดี

แล้วมาส่งท้าย เดินตลาดแบบ Local ที่นี่สำหรับ หลาดใต้โหนด ที่มีของพัทลุงแบบ local เพียบเลยค่ะซิสสส แล้วเป็นตลาดแบบรักษา Ecosystem ที่เขาแทบจะไม่เอาพลาสติกมาใช้ในตลาดเลย

ใช้ใบตองมาทำเป็นภาชนะทั้งหมด ใช้ช้อนไม้ และ ไม้แหลมเป็นช้อน คือเขาพยายามลดการใช้พลาสติกให้มากที่สุด แต่ละอย่างราคาแค่ 20 บาทเป็นต้นไป คือพกเงินไป 200 บาทอิ่มแบบเหลือๆ

โชว์ให้เห็นเลย ว่าพกเงินเข้าไป 200 บาทกินได้ทุกอย่างค่ะซิสสส นอกจากจะพกเงินไปน้อยแล้ว เราพาเดินชมบรรยากาศของตลาด ที่เราจะพบอะไรที่ไม่ค่อยเห็นที่กรุงเทพ ไม่เหมือนตลาดนัดทั่วไปแน่

อย่างป๊อปคอนที่นี่เขาใช้ศัพท์ว่า “คัวตอกโบราณ” เขาทำป๊อปคอนจากเตาถ่านจริงๆ หอมถ่ายจริงๆ หรือจะเป็นร้านกาแฟ ที่มีดนตรีสด และ บรรยากาศร้านคลาสสิคมาก หลอดก็เป็นกระดาษ

อิ่มแล้ว เราก็มีต่อกันที่ วัดท่าแค ต้นตำรับโนราโรงครูวัดท่าแค เป็นจุดเริ่มต้นของโนรา ที่ถ้าอยากมาเรียนรู้จริงๆ แนะนำให้ติดต่อไปที่ บ้านลูกปัดท่าแค โทร 082-2624956 มีครูสอนแม้เรื่องการทำชุดโนรา

แต่ครั้งนี้มีน้องนักเรียนมา ที่เขาเรียน และ สืบสานเป็นนางโนรา มาแสดงและสอนการแสดง ท่าต่างๆ ด้วยความตั้งใจมากค่ะซิสสส แนะนำเลยถ้าอยากเรียนรู้จริงๆ ให้ติดต่อได้เลย

แล้วมาจบที่ วัดเขียนบางแก้ว ที่เป็นวัดหลวงประจำจังหวัด ที่ถ้าเป็นเทศกาล หรือ วันสำคัญทางศาสนา เขาจะมีพิธีแห่ผ้าขึ้นเจดีย์ เป็นความเชื่อเพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิต จากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพได้ค่ะซิสสส

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้

Don't Miss