YTSB Exclusive Omakase | สุดยอดโอมากาเสะในกรุงเทพที่รับเพียงวันละ 10 คนต่อวัน

March 4, 2019
585 views
23 mins read

โอมากาเสะ – อีกหนึ่งวิถีการกิน ที่นอกจากจะเสียเงินแรงแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้เลือกเมนูเพราะการทานโอมากาเสะ คือการกินเมนูตามใจเชฟ !!! และแน่นอนว่าเชฟที่ YTSB เขาไม่ทำให้ผิดหวัง…เมื่อเชฟที่นี่แกใช้ใจ และ ประสบการณ์ที่มีมายาวนานกว่า 20 ปีใส่ลงไปทุกจานตามเรามา 6 August Journey จะพาไปชิมความ Exclusive ครั้งนี้

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

รีวิวนี้มีอะไร

  • วัตถุดิบที่สุดของวันนี้ (วันที่เราไปกิน)
  • 16 Courses ที่เรากินมีเมนูอะไรบ้าง
  • สรุปความคุ้มค่า และ ราคา และช่องทางจอง

[icon type=”fa-cutlery” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] วัตถุดิบที่สุดของวันนี้


ทำเอานึกถึงเชฟกระทะเหล็กเลย คุณชาคริตครับวันนี้มีวัตถุดิบพิเศษอะไร 55+ แล้วเชฟที่บาร์ก็จะตอบว่าวัตถุดิบแรก หอยเป๋าฮื้อ ที่เชฟบอกว่าเชฟต้ม 3 ชั่วโมงเพื่อให้มันออกมาเด้ง และคงความหวาน

ต่อมาจะเห็น กล่องปลา อันล่ำค่าของเชฟที่มีปลามากมายหลากสายพันธุ์ และที่หายากอย่างปลา Himuka Saba ที่เป็นปลาถูกเลี้ยงในฟาร์มพิเศษ ถูกดูแลอย่างดีตั้งแต่เกิด อุณหภูมิ ที่อยู่อาศัยของปลาเป็นตัวแปรที่ทำให้ปลามีรสชาติต่างออกไป

Himuka Saba

ความเชี่ยวชาญของเชฟที่นี่เป็นอะไรที่ต้องใช้ประสบการณ์สูงมาก อย่างเพราะเนื้อปลามันไม่มีทางเหมือนกันทุกครั้ง เชฟจึงมีวิธีการที่จะทำให้มันอร่อยได้หลากหลายออกไป เช่นเนื้อปูบางชิ้นทานสดๆได้ แต่บางชิ้นก็ต้องผ่าน Burn ถึงจะอร่อย จึงมั่นใจได้ว่าทุกคำเด็ด !!

ของหายากถัดไปคือ Kinmedai (キンメダイ) ปลาคินเมะได เป็นปลาในน้ำทะเลลึกที่หาทานได้ค่อนข้างยาก แต่ที่นี่มี !!! ด้วยคุณสมบัติพิเศษคือ เนื้อละเอียด เนียนนุ่ม แต่กินแล้วสดชื่นมาก แปลกแต่จริง !!!

และที่ทำเราเซอไพรซ์ และ ไม่คิดเลยว่าโลกนี้จะมีจริงอย่าปลา Mikan Dai ซึ่งเป็นปลากระพงที่ถูกเลี้ยงด้วยส้มชั้นดีของญี่ปุ่นมาทั้งชีวิต ทำให้เนื้อของมันไม่มีกลิ่นคาวเลย แต่กลับมีกลิ่นส้มอ่อนๆ สุดจริงๆสำหรับปลาชิ้นนี้

โดยปลาทุกชนิดผ่านการเลือกมาอย่างดีด้วยเชฟ เชฟเล่าว่าปลาบางอย่างลายขวางมันก็ไม่อร่อย อันไหนจับแล้วแข็งตัวแล้วก็ไม่ต้อง Burn เพิ่ม รวมทั้งวิธีการกินเล็กๆน้อยๆที่เชฟคอยสอน

เป็นความเข้าใจใหม่ที่เราก็เพิ่งรู้ เพราะเราเคยไปกิน Omakase ที่ตลาดปลาซึคิจิที่ญี่ปุ่น แน่นอนว่าเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร กินยังไงถึงถูกวิธีมารู้เคล็ดลับการกินที่นี่ๆเลยก็ว่าได้

[icon type=”fa-cutlery” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] 16 Courses ที่เรากินมีเมนูอะไรบ้าง


Awabi Mushi

Course แรกของเราในวันนี้คือ Awabi Mushi (Steamed Japanese Abalone) หรือ หอยเป๋าฮื้อนึ่งหั่นชิ้นพอดีคำ โรยด้วยไข่ปลาแซลม่อน เทคนิคที่เชฟทำให้หอยเป๋าฮื้อเด้งหนึบ และรสชาติกำลังดีคือการนำหอยไปต้มถึง 3 ชม. ก่อนนำมาทำ

Tarabu Yuzu

Course ที่สองคือ Taraba Yuzu (Japanese King Crab with Yuzu sauce) หรือ ปูทาราบะซึ่งได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งปู โรยด้วยซอสยูซุ ซึ่งตัวยูซุนั่นเป็นพืชตระกูลส้มที่เขาเอามาทำซอส มีความเปรี้ยวกำลังดี กลิ่น และ รสชาติเฉพาะตัวสุดๆ

แล้วเขามีสาหร่ายมาด้วยนะ กินเนื้อปูเสร็จก็ยกซดทั้งถ้วยได้เลย แน่นอนว่ารสชาติเฉพาะของยูซุมันยังตราตรึงในความทรงจำเราอยู่ทุกวันนี้เลย อร่อยไม่รู้ลืม

Hotate, Sashimi, Mikan Dai, Akumi, Otoro

มาถึง Course ที่สาม กฎการกิน Course นี้คือ ต้องกินชิ้นที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดก่อน แล้ว ค่อยกินชิ้นที่อยู่ไกลตัวเราออกไปตามลำดับ เพราะเชฟคิดลำดับความอร่อยไว้แล้ว โดยจานนี้สิ่งที่แถมมาด้วยคือ ดอกเบญจมาศ

วาซาบิของแท้ จะไม่เผ็ด กินเปล่าๆได้

โดยในจานนี้มี Hotate (หอยเชลล์ ฮอกไกโด), Sashimi Mikan Dai (ปลากระพงแดง), Akami (ส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า), Otoro (ปลาทูน่ามีไขมัน) โดยสาเหตุที่เชฟให้กินตามลำดับคือ เพราะเนื้อแต่ละชินมีความมันต่างกัน เลยกินที่มีไขมันเยอะทีหลัง

โดยปลาที่มีไขมันมากต้องกินคู่กับวาซาบิแท้ๆ จะทำให้คำแต่ละคำละมุนขึ้นเยอะ ไม่เอียน และความหอมอร่อยของจานนี้ก็อยู่ที่ดอกเบญจมาศ ที่เชฟแนะนำให้เด็ดกลีบดอกใส่ลงไปในซอส แล้วคีบกลีบดอกที่ชุ่มด้วยซอสวางบนเนื้อปลาแทน เด็ด !!!!

ใส่ดอกเบญจมาสลงไป

Course ถัดไป Chawanmushi-Ikura หรือ ไข่ตุ่นพร้อมไข่แซลม่อน ความละมุนของเมนูนี้คือความเข้ากันของไข่ปลาแซลม่อนที่ไปแตกในปาก พร้อมไข่ตุ่นอุ่นๆ รสชาติเข้ากันมาก

Chawanmushi-Ikura

Course ถัดมาคือ Gindara (Black Cod) หรือ ปลาหิมะที่เชฟได้นำไปหมักในซอสมิโซะขาวเป็นเวลา 1 คืนเต็ม แล้วนำมา Burn กลิ่น Burn หอมมากแล้วเป็นอะไรที่ต้องรีบกินแบบ 30 วินาทีเอาเข้าปาก ตบท้ายด้วยขิงดองที่วางมาข้างๆ หลับตา รับกลิ่น รับรสเต็มสัมผัสของความอร่อยมาก

Gindara

Course ถัดมา ซูชิ 8 คำ แต่แถม 1 คำ…เพราะเชฟบอกว่าถ้าอยากกินแค่แซลม่อนไม่ต้องมาหาผม กินที่ไหนก็ได้ แต่อยากกินส่วนที่อร่อยที่สุดของปลาแซลม่อนให้มาที่นี่ เชฟเลยทำแซลม่อนแถมให้อีก 1 คำ โดยทำมาจากส่วนไหนนั้นอ่านต่อมาเรื่อยๆ

ซูชิ 8 คำ

แล้ววิธีการกินซูชิอย่างถูกต้องคือให้ใช้นิ้ว โป้ง + นิ้วกลาง คีบซูชิแทนตะเกียบ โดยเชฟจะเสริฟทีละชิ้น แล้วคำแรกก็มาถึงอย่าง Hirame หรือ ครีบปลา(Engawa) ของปลาตาเดียว ซึ่งมีความหอมมันกว่าปลาลิ้นหมา (Karei) ซึ่งทั้งคู่เป็นเมนูที่นิยมนำมาทำ Engawa

Hirame

คำที่สองเป็น Shima Aji ความพิเศษของปลาชนิดนี้คือ เนื้อเขาจะหอม แบบไม่ใช่แบบคาวปลา และเชฟต้องเชี่ยวชาญในการลอกหลังออกจากปลา ถ้าไม่เชี่ยงชาญไขมันใต้หนังจะหายไปเยอะ แต่ที่นี่ทำได้ดีเยี่ยม

Shima Aji

ระหว่างนี้เชฟเล่าว่า สเน่ห์ของการทานโอมากาเสะอย่างหนึ่ง คือ เราทำหน้าที่นั่งทานเฉยๆ ได้ซูชิมาก็หยิบเข้าปากได้เลย ไม่ต้องปรุงอะไรเยอะ เพราะซูชิ 1 ชิ้นถูกปรุงไว้อยู่แล้ว ใต้ปลาจะมีซอส และ วาซาบิที่พอดี ทำให้แต่ละคำออกมาอร่อย ความเชี่ยวชาญของเชฟจึงสำคัญมาก น้ำหนักของมือซ้าย มือขวา มีผลต่อความอร่อยทั้งสิ้น

คำที่สามคือ Botan Ebi Kombuchime หรือ กุ้งโบตั๋นจุ่มในซอสสาหร่าย Kombu ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกุ้งน้ำลึก ที่มีความมัน เนื้อหวานเด้ง แถมตัวใหญ่ มาเจอซอสของ ราชาแห่งสาหร่าย (King of Seaweeds) เข้าไปอร่อยละมุนลิ้นมาก

คำที่สีก็มา สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร 55+ เมนูนี้คือ Himuka Saba หรือ ปลาซาบะที่ถูกเลี้ยงด้วยฟาร์มพิเศษแบบ Exclusive ที่เราเล่าให้อ่านกันตั้งแต่ต้นเรื่องใน Part วัตถดิบ มาคำนี้เขาถูก Burn ให้พออุ่น กลิ่นยั่วยวนมาก ต้องรีบหยิบเข้าปากทันที

คำที่ห้าเป็น Rare Item อย่าง Kinmidai เป็นปลาในน้ำลึกของญี่ปุ่น ที่กว่าจะได้มาต้องออกเรือไกลและไปน้ำลึกๆ เป็นอีก 1 ในวัตถุดิบพิเศษที่เราได้เล่าไปแล้วว่ากินแล้วจะรู้สึกสดชื่นเหมือนได้รับพลังจากท้องทะเลลึก

คำที่หก Nodokuro หรือ ปลาคอดำ ซึ่งแท้จริงแล้วเขาเป็นปลากะพงสีชมพู อยู่ในน้ำลึก นุ่ม และรสชาติออกมันๆ ปลาชนิดนี้เป็นที่นิยมในการนำมาทำ ซูชิและซาซิมิ

คำที่เจ็ด Akami(赤身) หรือ เนื้อส่วนกลางตัวไม่มีไขมันของปลาทูน่าตัวใหญ่อย่าง Blue Fin Tuna โดยส่วนนี้จะเป็นที่นิยมในการนำมาทำซูชิ เพราะเป็นส่วนที่มีเยอะจากปลาทั้งตัว ส่วนคำที่แปดคือ Salmon ที่เชฟบอกว่าเอาส่วนที่อร่อยที่สุดมาให้ทานคือส่วนของสันหลังปลา เพราะจะทำงานเยอะสุด แต่ก็สะสมไขมันเยอะสุดเช่นกัน

Toro Yaki

คำสุดท้ายจะเป็น Uni หรือ ไข่หอยเม่น ที่เรารู้สึกเฉยๆไม่ค่อยโดนเท่าไรก่อนที่จะไปต่อที่คอร์สถัดไปอย่าง Toro Yaki คือ การนำทูน่ามันๆมาย่างเสริฟเป็นสเต็ก โดยปกติแล้วเขาจะมีเนื้อระดับ A4-A5 มาเสริฟแต่วันนี้มันหมด 55+

Mini Sakana Don

ของคาว Course สุดท้าย เขามิกซ์รวมกันทุกอย่างมาอยู่ในถ้วยเล็กๆในชื่อว่า Mini Sakana Don คือเป็นถ้วยที่จะทำให้คุณคิดถึงทุก Course ที่ได้กินมาในวันนี้ทุกอันเชื่อเราสิ

Black Sesame Pudding with Japanese Melon

ตกท้ายด้วย Black Sesame Pudding with Japanese Melon ที่สุดของวันนี้เลยก็ว่าได้ การที่พุดดิ้งงาดำจะมีรสชาตินม ผสม งาดำได้ละมุนขนาดนี้ แล้วมาเจอเมล่อนลูกล่ะ 3,000 บาทไทยเข้าไปที่ละลายในปากได้ เป็นการปิดท้ายที่ฟินนาเร่มาก !!!!

[icon type=”fa-cutlery” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] สรุปความคุ้มค่า และ ราคา


เราให้คะแนนความคุ้มค่าของที่นี่คะแนนเต็ม 10 เลยนะ ด้วยเรื่องวัตถุดิบ รสชาติ บรรยากาศที่ค่อนข้าง Private และ ความสามารถของเชฟที่สามารถสรรสร้างเมนูออกมาได้สุดจริงๆ อร่อยสมคำร่ำลือ

ห้องอาหาร : YTSB Exclusive Omakase (โรงแรม VIE Hotel)
การเดินทาง
 : อยู่ตรง BTS ราชเทวี เดินถึงได้เลย
เวลาเปิด : ตั้งแต่ 17:30 เป็นต้นไปของทุกวัน (รับเพียง 10 ที่ต่อวัน)
ราคาปกติ :
> 12 Courses ราคา 3,000 THB
> 16 Courses ราคา 6,000 THB
> 21 Courses ราคา 7,000 THB
โปรโมชั่น : จองล่วงหน้าช่วงเวลา 17:30 – 19:00 ลด 15%
ช่องทางการจอง
โทร : +66 2309-3839
Facebook : https://www.facebook.com/YTSB.BKK
Website : http://bit.ly/2EnMXnD

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้