รถไฟไปเชียงใหม่/อุตราวิถี
รถไฟไปเชียงใหม่ – ทริปนี้มันเกิดง่ายมาก แค่อยากนั่งรถไฟอุตราวิถีเท่านั้น !!! รถไฟขบวนนี้เคยทำเราฝั้งใจกับเขาว่าเต็มตลอดหน้าหนาว ปีนี้เลยไม่พลาดที่จะต้องจับจองตั๋วมาให้ได้ด้วยการจองล่วงหน้าถึง 60 วัน ก็แค่อยากนั่งรถไฟแต่ไปไงมาไงถึงกินข้าวตั้ง 8 ร้านในวันเดียวได้ตามเรามา 6 August Journey จะเล่าให้ฟัง
[icon type=”fa-map-signs” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]
1 วัน 1 คืนไปไหนมาบ้าง และ งบเท่าไร?[icon type=”fa-map-signs” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]
เตรียมตัวเที่ยว[icon type=”fa-angle-double-right” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ]
นอนที่ Hop inn สาขาซูเปอร์ไฮเวย์ ใกล้ บขส และ รถไฟมาก (เชียงใหม่มี Hop inn 2 สาขา) : คลิกที่นี่[icon type=”fa-angle-double-right” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ]
ตั๋วรถไฟอุตราวิถีไปเชียงใหม่ จะเต็มช่วงหน้าหนาวทุกปี เคล็ดลับการได้ตั๋วมาคือโทรไปจองตั๋วล่วงหน้า 60 วันเช่นจะเดินทางพฤศจิกายนต้องโทรจองตั้งแต่กันยายน เราโทรจองช้าไปประมาณ 5 วันยังได้เตียงนอนสุดท้ายเลยจ้า !!![icon type=”fa-angle-double-right” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ]
รีวิวรถประจำทางเชียงใหม่ ขึ้นง่าย 20 บาทตลอดสายวิ่งทั่วเมือง : คลิกที่นี่[icon type=”fa-angle-double-right” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ]
เที่ยวเชียงใหม่ถูกขึ้น เมื่อจองซื้อบัตรเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆล่วงหน้าผ่าน Traveloka บางที่ลดถึง 50% เลยคลิกที่นี่ หรือจะทำตาม 3 สเต็ปสั้นๆดังภาพข้างล่างนี้[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
1st night : ชีวิตบนรถไฟอุตราวิถี
ตอนนี่ปี 2020 สามารถซื้อตั๋วรถไฟไทยออนไลน์ได้แล้วค่ะซิสสส สะดวกไปอีกแบบ เลยขอชี้ช่องทางจองตั๋วรถไฟออนไลน์ ผ่านลิงค์นี้ >> จองตั๋วรถไฟไทยออนไลน์
รถไฟออก 18:10 ที่สถานีหัวลำโพงทุกอย่างดูเรียบร้อย รถออกตรงเวลาเป๊ะ ตอนมาซื้อตั๋วเมื่อ 2 เดือนที่แล้วในตั๋วจะระบุ ขบวน ที่นั่ง เวลาออกแต่สิ่งที่ต้องมาหาวันจริงคือ ชานชาลา ว่าจะเป็นชานชาลาไหน
ทุกอย่างในขบวนดูดี มีแอร์ มี Wifi แต่ Wifi ที่นี่ไม่สามารถเข้า Youtube ได้จร้า !!! บรรยากาศคืนวันศุกร์ที่รถไฟแล่นในเมืองก็จะผ่านถนนมากมายที่รถติดมากๆ มันก็ดูแปลกไปอีกแบบ ถึงเวลาเดินสำรวจตู้กัน
เดินสำรวจตู้ไปถึงตู้ที่เป็นร้านอาหาร ราคาอาหารบนนี้พอๆกับบนเครื่องบินเลยแหละ ถ้าเที่ยวประหยัดเงินแนะนำให้ซื้อขนมขึ้นมากินเอง เมนูต่างๆรสชาติโอเค บางเมนูก็ข้าวกล่อง CP แหละแต่ราคาก็บวก
เวลาแค่ 2 ทุ่มเจ้าหน้าที่รถไฟก็มาปูเตียงให้แล้ว จะบอกว่ามันก็เร็วเกินไปนะอยากนั่งทำนู่นทำนี่มากกว่านี้ ที่สำคัญเขาไม่ดับไฟนะตลอดคืนที่นอนแต่มีม่าน ดังนั้นใครนอนในที่มีแสงไม่ได้ก็เตรียมที่ปิดตามา
1st day : ตะลุยกินตั้งแต่ 07:00 ถึง ตี 2
Wake up …
in Lamphun
เมื่อคืนสัญญานอินเตอร์เน็ตไม่มีแทบทั้งคืน มาเช้าอีกทีก็น่าจะลำพูนคือนั่งอีกป้าย – สองป้ายก็ถึงสถานีเชียงใหม่ มันก็ชิลดีนะช่วงที่เราไปเป็นช่วง เทศกาลลอยกระทง และ ยี่เปงพอดีการติดต่อเช่ารถส่วนใหญ่ก็เต็ม เพื่อนติดต่อรถให้ 850 บาทไปเอารถที่ Mc Donald ประตูท่าแพ
จุดมุ่งหมายแรกของเช้าวันนี้และถือเป็นร้านที่ 1 ในวันนี้คือ โกเผือกโกดำ เราไปช่วง 07:00 พอดีคนยังไม่เยอะแต่หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีคนหนาแน่นเชียว นักท่องเที่ยวจีนก็มากันเยอะนะของเด่นที่นี่เป็น ขนมปังสังขยาหลากสี ราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท
ขนมปังสังขยาที่นี่ถูกปากเรานะ คือไม่หวานเกินไปและกลิ่นหอมอร่อยเหมือนหน้าตาเลย สมแล้วที่ใครๆก็มากินกัน นอกจากนั้นยังมี ก๋วยจั๊บญวณ และ ไข่กะทะ ที่สั่งเพิ่มมารสชาติธรรมดาไม่ได้โดดเด่น และ ไม่ได้แย่จ้า
จบจากร้านแรกเราก็หาที่ไปกันโดย search จากบริเวณรอบๆเพื่อไปเดินย่อยอาหารกันเราก็เจอ วัดที่จมอยู่ใต้บาดาลมา 100 ปีปัจจุบันเปิดเป็นที่เที่ยวอย่าง วัดช้าวค้ำ ที่นี่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก ประกอบกับการมาเที่ยวควรรู้ประวัติศาสตร์จะอิน
วัดช้างค้ำ
ร้านที่ 2 ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยมาก อาหารไทยใต้แท้อย่างร้าน ครัวอาจารย์สายหยุด & หมอทราย ร้านนี้คนในพื้นที่แนะนำว่าต้องมาและก็ไม่ผิดหวัง เริ่มต้นกันที่สัปปะรด และ เมนูของคาวเราสั่ง ข้าวยำเครื่องสมุนไพรปักษ์ใต้ ผักเชียงดาผัดไข่ และ ห่อหมดทอด
ยอมรับเลยว่าราคาสูง แต่สมกับความอร่อยและคุณภาพค่ะ ถูกปากเราทุกเมนูโดยเฉพาะเชียงดาวผัดไข่ เอาจริงๆชิมแบบไม่รู้ชื่อเมนูอาจทำให้นึกถึงใบเหลียงผัดไข่ได้นะ ข้าวยำก็อร่อยถือเป็นเมนู Recommended ของร้านที่ต้องลอง
ปิดท้ายด้วยของฟรีมักอร่อย ที่ทุกโต๊ะจะได้เพราะกินอย่างคนไทยต้องมีขนมหวาน ที่นี่เขาจัดกล้วยเชื่อมราดกะทิมาให้ค่ะ อร่อยไม่เหมือนกล้วยเชื่อมที่ไหนเลย เนื้อไม่เละเกินไป หวานมันจากกะทิให้คะแนนเต็มจ้าร้านนี้
ร้านถัดไปร้านที่ 3 ตามมาร้านนี้เพราะคนแนะนำให้มาบอกว่า ต้มยำน้ำข้นโคตรอร่อย !!! กลัวคนแนะนำจะหาว่าไม่เชื่ออย่างร้าน ก๋วยเตี๋ยวหลุดโลก ที่เขาจะหยุดทุกวันหวยออก และกลัวโลกไม่จำด้วยก๋วยเตี๋ยวชามโต
แต่ยอมรับเลยว่า ต้มยำน้ำข้นรสชาติเฉียบจริง !! และกุ้งก็สดจริงแต่ราคาก็สมน้ำสมเนื้อเขาแหละต้องมาลองจะไม่ผิดหวัง แต่ผิดหวังคือคนเยอะมาก รออาหารนานแค่นั้นที่เหลือความอร่อยคืออร่อยจริงเจ้า
ร้านที่ 4 ร้านชีวิตชีวา คือใกล้ๆกับร้านก๋วยเตี๋ยวนี่แหละ เลยแวะมากินของหวานจร้า แต่คิวยาวแบบยาวเวอร์ คนจีนเยอะมาก แต่ก็ได้อยู่นะสำหรับร้านนี้ความสวยงามของร้านผ่าน คลีนๆ ขาวๆ แต่งตัวหวานๆมาถ่ายรูปได้
เมนูที่เราสั่งคือ บิงซูบัวลอยไข่เค็ม ราคา 220 บาทที่แบบกินกันได้ถึง 4 คนแต่นี่มากัน 2 คนไง ก็หนักหน่วงอยู่ ถ้าให้คะแนนความอร่อยของเมนูนี้คือเราให้ 7.5 คะแนนเต็ม 10 ด้วยความที่รสชาติบางอย่างเช่น ไข่เค็มยังไม่สุด
บัวลอยเองก็ยังไม่หนึบมากนัก และ ไม่หวานทั้งที่มันควรหวานกว่านี้ก็เลยตัดคะแนนไปนิดหน่อย แต่โดยรวมเราว่ามันก็อร่อยดีนะเจ้า จบมื้อนี้ก็บ่าย 2 ได้เวลาเช็คอินกันที่ Hop Inn สาขาซูเปอร์ไฮเวย์คืนละ 750 บาทขั้นต่ำ
จังหวะนี้ขอมานั่ง มานอนเล่นหลบแดดสักพักดีที่โรงแรมมี Wifi ฟรีเปิดแอร์เย็นๆนอนเล่นไปก่อน ก่อนที่จะออกมาพบเจอคนเป็นล้านที่วัดพันเตา กลายเป็นความ Inter เมื่อคนหลากหลายชาติมารวมตัวที่นี่โดยไม่ได้นัดหมาย
ตอนที่ไปคือช่วง 18:00 คือช่วงเวลานั้นคนก็เต็มจนล้นวัดแล้วจ้า ทุกคนมาจับจองตั้งกล้องรอกว่าพิธีจะเริ่มก็ 17:00 และกว่าจะสิ้นสุดก็ 21:00 ทุกจุดของวัดแห่งนี้ห้ามปีนป่ายใดๆ มีเจ้าหน้าที่คอยเดินตรวจสอบตลอดเวลา วิธีที่จะได้ภาพที่ดีที่สุดมีหลายวิธี
วิธีแรกคือมาให้เร็วสุดๆ แบบ 16:00 ก็ควรมาตั้งกล้องรอแล้วซึ่งเราคิดว่าเป็การเสียเวลาเที่ยวมากๆเลยแหละ วิธีที่เราใช้คือ ขาตั้งกล้องยืดสูงๆ แล้วกดถ่ายจากสายลั่นชัตเตอร์หรือ nfc จากมือถือกดถ่ายเอา แต่ควรเกรงใจคนข้างหลังบ้างถ่ายเสร็จก็นำขาตั้งกล้องลง
พิธีต่างๆจะจบที่การปล่อยโคมแบบปลอมๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่าวัดแคบ การปล่อยโคมในที่แคบๆโอกาสเสี่ยงต่อการติดไฟ หรือ ลุกไหม้ของโคมจะค่อนข้างสูง เลยปล่อยถ่ายรูปเป็นพิธีแล้วดับลงเจ้า
ระหว่างนี้เราก็เดินเล่นไปถึงประตูท่าแพ และ เดินดูขบวนต่างๆจนไปเจอจุดที่เขาปล่อยโคมกันเยอะๆ แต่ต้องยอมรับว่าคนจะไม่เยอะเท่าวันลอยกระทง ใครแพลนจะมาดูก็ควรแพลนดีๆให้ตรงกับวันลอยกระทงของแต่ละปี แต่ยอมรับเลยว่าการปล่อยโคมนี่อันตรายมากๆ !! ไฟเกือบตกใส่หัวเราบ่อยมาก (เราไปดูแต่ไม่ได้ปล่อย)
จากนั้นเราก็ไปกันต่อที่ร้านที่ 5 ซุ้มเฮียฮ๋ง หรือ ที่หลายคนเรียกว่าบะหมี่พ่อตาย !!! มาเพราะอยากรู้ว่าหมูแดงแกจะอร่อยขนาดไหน และด้วยคาแร็คเตอร์ของเฮียแกด้วย 55+ แค่หาเศษเหรียญไม่เจอ แกมีแกล้งแหกปากใส่ 55+ ก็น่ารักดีนะเจ้าสรุปว่าหมูแดงอร่อยสมคำร่ำลือ
จบจากเฮียฮ๋งมาก็มาเบาๆท้องด้วยร้านที่ 6 Funky grill หมาล่า ตามจริงมีอีกร้านหมาล่าที่ดังแต่น้องที่เป็นคนในพื้นที่บอกว่าที่นี่เขาโอเคกว่า เอาเข้าจริงที่นี่ต่างจากหมาล่าที่กรุงเทพแนะนำให้มาลอง มีหลากหลายเมนูด้วยแหละ
ณ จุดนี้รู้สึกง่วง และ อิ่มมากแล้ว…แต่ๆๆเราจะยอมแพ้ไม่ได้ ไปต่อร้านที่ 7 ที่จะทำให้เด็ก มช. คิดถึงอย่างร้าน เจียวดาวเชียงใหม่ เขาอยู่หลัง ม. เชียงใหม่ จะเจียวหรือจะดาวไม่ต้องเลือกอีกต่อไปได้ทั้งคู่ที่สำคัญราดข้าวมาพร้อมที่จานละ 15 บาท !!!!
ตรงข้ามเจียวดาวน้องๆเด็ก มช. ต่อแถวกันตรึมเลยร้านที่ 8 ไก่ทอด ไก่ย่าง เวลาตี 1 จ้าคือแบบคึกคักเอาเวลาไหนไปนอนกันลูกๆ เลยไปต่อกับเขาบ้าง 55+ สรุปว่าร้านที่ตั้งใจจะไปอย่าง ลาบบังเกอร์ และ ขนมจีนสันป่าขอย เลยไม่ได้เจ้า ว่าแต่ใครจะรับผิดชอบ 10,000 แคลอรี่ที่รับเข้ามาในวันนี้ให้เราบ้าง