Site icon 6 AUGUST JOURNEY

หลวงพระบาง | รีวิววันฝนพรำ ที่เที่ยว อะไรๆ ก็เงียบเป็นพิเศษ

หลวงพระบาง ที่เที่ยว เหมาะกับคนอินดี้

หลวงพระบาง ที่เที่ยว อินดี้ – คงไม่เวอร์จนเกินไปที่เราจะเรียกที่นี่ ว่าเป็นที่ๆเหมาะกับคนอินดี้ มีคนเคยบอกไว้ว่าเมื่อเท้าคุณเหยียบพื้นที่นี่ คุณจะกลายเป็นเจ้าตัวสล็อต

อินดี้คนเดียว จากหลวงพระบาง สู่ วังเวียง

ความว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวที่ใครๆ ก็ไปกันแล้ว แต่เราแทบไม่เจอบทสรุปบางอย่างที่แน่นอน แล้วก็มีอีกหลายแง่มุมที่หลายคนไม่ยอมบอก เราเลยขออาสาเล่า ตามเรามา 6 August Journey ขอแชร์ให้อ่านกัน

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] คู่มือเตรียมตัว[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#e0e843″]

[section background_image=”http://www.sixaugust.com/wp-content/uploads/2018/05/DSC05406.jpg” text_color=”#666666″ background_color=”#eeeeee”]

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ] 10 ทริคเตรียมตัวเที่ยวหลวงพระบาง แบบ TRUE STORY : คลิกที่นี่

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ]วิธีเดินทางจาก หลวงพระบาง ไป วังเวียง (และในเมืองอื่นๆ) : คลิกที่นี่

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ] การเดินทางจาก หลวงพระบาง ไป วังเวียง ง่ายมากเพราะมีรถตู้หลากหลายเวลามาก แนะนำให้ติดต่อที่พักตนเองได้เลย ให้เขาแวะมารับ

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ] ที่นี่ต้องใช้ Passport นะจ๊ะไม่เหมือนลาวเมืองอื่นที่แบบใกล้ไทย แล้วไปกลับได้ภายใน 24 ชั่วโมงแบบนั้นไม่ต้องใช้

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ] ปลั๊กไฟ เหมือนบ้านเรา ไม่ต้องพกหัวแปลงไป

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ] อากาศที่หลวงพระบาง ช่วงหน้าฝน เป็นอะไรที่น่านอนมาก แม้ฝนตกแต่ก็ถือร่มเดินเที่ยวได้อยู่

[icon type=”fa-check-circle-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”plain” link=”” new_window=”true” ] พิเศษ!! แจก code ส่วนลด Booking.com 550 บาท (เมื่อจองที่พักขั้นต่ำ 1,100 บาทขึ้นไป): คลิกที่นี่

[/section]

สำหรับสมาชิก BIG ของแอร์เอเชีย ตอนนี้ใช้คะแนนแทนการจ่ายค่าตั๋วแอร์เชียได้แล้ว ที่หน้าสุดท้ายตอนจ่ายเงิน: คลิกที่นี่ (ได้ตั๋วคุ้มกว่าใคร ใครยังไม่เป็นสมาชิก BIG โหลดแอพ AirAsia BIG สมัครฟรี แล้วเริ่มสะสม BIG Points ได้เลย >> http://bit.ly/2lHY97G)

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] เมืองนี้ไปไหนมาบ้าง[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#e0e843″]

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] งบที่ใช้ไปสำหรับเมืองนี้[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#e0e843″]

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

1st DAY : ฝนพร่ำ เงียบทั้งเมือง

สนามบินที่นี่ขึ้นลงยากมาก หน้าก็เขา หลังก็เขา เมืองที่อยู่ในขุนเขา เป็นคำลงท้ายของการสนทนาของเพื่อนนักบินกับเราในคืนก่อนเดินทาง เป็นอะไรที่ทำให้กลัวเล็กน้อย ตัดภาพมาที่อีกวัน…เมื่อกัปตันเครื่องบินประกาศว่าอีก 10 นาทีจะลงจอด ก็เห็นวิวขุนเขาของ หลวงพระบางจริงๆ

ทริปนี้มันไม่ตื่นเต้น เหมือนตอนไปอินเดียคนเดียว และ ทริปนี้เขาก็พูดภาษาคล้ายกับคนไทย เราจึงแทบไม่ได้เตรียมตัวอะไร เป็นสิ่งที่เราหวังจะค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองล้วนๆ สิ่งแรกที่เราทำหลังจากตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว คือ ซื้อซิมส์ 55+

เงินก็ยังไม่ได้แลก คนขายซิมส์รีบบอกเลย รับเงินไทยนะ ก็เรียบร้อย  100 THB เท่านั้นดำรงชีพได้ครบ 5 วันแบบสบายๆ คุ้มค่าที่คุณคู่ควร แล้วเราก็เดินไปแลกเงิน มันมีอยู่ 2 แบงค์ในสนามบินเล็กๆ เวลานั้น เดินเทียบเงินกันสบายๆ ได้มาในอัตราไม่แรง

ภาระกิจสุดท้ายที่ทำในสนามบินคือ หารถออกจากสนามบิน … เป็นอะไรที่ไม่ยากเพราะแอบถามพนักงานธนาคาร เขาบอกว่า 50,000 กีบไปได้ 3 คน เป็นรถตู้แชร์ๆกัน จังหวะนั้นเราก็เริ่มหาเหยื่อ 55+ เราเห็นผู้ชายญี่ปุ่นนั่งเปิดแพลนตัวเองอยู่เลยเข้าไปทักทาย ลงท้ายด้วยการบอกว่า มาคนเดียวสนใจแชร์ค่ารถเข้าเมืองไหม ?

ใครจะไม่อยากแชร์ว่าไหม แต่ว่ารถตู้เขาบอกราคานี้ส่งที่เดียวนะ ไม่แยกส่ง เราเลยบอกคนญี่ปุ่นอย่างแมนๆ ว่าเดี๋ยวเราเดินต่อไปเอง (ในใจก็หวังว่าจะไม่ไกล) ตอนนั้นในหัวยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลวงพระบางมากนัก ก็ไปลงที่ Hostel ของชายชาวญี่ปุ่นนี่แหละ ฝนก็ตกเล็กน้อย

พอลงมาเสร็จ ชายชาวญี่ปุ่นคนนั้นดันไม่มีแบงค์สำหรับจ่ายเรา กลายเป็นว่าต้องพากันเดินหาที่แลกเงินกันอีก แล้วฝนก็ตกเล็กน้อยๆ แค่เริ่มทริปก็เปียกแล้ว จากนั้นก็แยกย้ายกันไป เออง่ายดี 55+

แล้วเราก็มาถึงวิลล่าจำปา ที่พักของเราคืนนี้ ราคาประมาณ 700 – 800 บาท เราเน้นนอนได้ เพราะพวก Hostel มันก็มีนะแบบ 100 – 300 บาทแต่กลัวไม่ได้นอน 55+ จากนั้นก็เก็บของ แล้วเดินลงมาเจอคนไทยที่มาคนเดียวเหมือนกัน เขาก็แนะนำนู่นนี่นิดหน่อยก่อนที่เขาจะขอตัวไปอ่านหนังสือ แล้วเราก็แยกจากกันแบบงงๆ ตอนนั้นฝนตกเลยยืมร่มของที่พักมาเดินเล่น 55+

ภาพในหัวที่หลายคนบอกว่า หาจักรยานสักคันปั่นสิดีนะ แต่เมื่อเราเห็นราคาจักรยานแล้ว เราขอลองเดินเองดีกว่า แล้วมันก็เป็นไปตามที่คาด คือย่านนี้มันเล็กๆ เดิน 1 ชั่วโมงก็ทั่วถึงแล้วเชื่อเรา นี่เดินสุดถนน ไปอีกถนน เพื่อสำรวจความวินเทจของเมือง

ความที่ฝนมันตกปอยๆ เมืองก็เงียบไปทั้งเมือง เราเดินสำรวจไปทางด้าน วัดเชียงทอง แล้วค่อยเดินย้อนกลับมาที่ ตลาดกลางคืน ของหลวงพระบาง บริเวณตรงนี้เองก็มีคนแนะนำร้านไว้หลายร้าน แต่คุณคะ เห็นราคาก็ไม่กล้ากิน แซนวิชอันละ 200 บาทค่ะ !!!

ร้านนั้นก็คือ Zurich Bread Artisan พี่คนไทยที่เจอตรงที่พักบอกว่าอร่อยมาก พร้อมกับคะแนน 4.5 ใน tripadvisor เราก็เดินด่อมๆ มองๆ เลยโฉบเข้าไปเปิดเมนูดู คุณพระแซนวิชถูกสุดก็ 180 บาทแล้ว เลยไม่กล้าซื้อทาน 55+ แล้วเราจะเล่าทำไมเนี่ย

หันไปอีกด้านเป็น วัดเสนสุขาราม เราขอการันตีเลยว่ามาตักบาตรตรงนี้ แล้วอยากถ่ายภาพจะได้ภาพที่สวยกว่าอีกจุด เพราะบริเวณนี้มีกำแพงขาว ยาวตลอดทางจะตัดกับสีของชุดเณรและพระได้อย่างลงตัว ที่เล่าเนี่ยเพราะเราไปตักตรงไปรษณีย์ ภาพเลยไม่สวย 55+

คือตลอดทางที่เดิน แถวนี้จะเป็นร้านกาแฟ คาเฟ่ชิคๆ เมื่อเดินย้อนกลับมาเพื่อมุ่งไปตลาดกลางคืน ร้านส่วนใหญ่ก็จะเป็น ผับเล็กๆ บาร์นั่งดื่มในตึกเก่า ดูคลาสสิคไปอีกแบบที่สำคัญ คนในเมืองน้อยมากเลย

ไม่นานนักฟ้าก็มืดลง เราก็มุ่งหน้าไปที่ตลาดกลางคืน เพื่อหาร้านในตำนาน ร้านที่เราจะกินครั้งเดียวในชีวิต !!! เพราะเชื่อรีวิวอื่นๆ อย่างร้านบุฟเฟต์ 15,000 กีบ โอ้โห้วไม่อยากจะพูดถึงขนาดนั้นเลย แต่แบบมันเหมือนข้าวหมาจริงๆนะ และ รีวิวหลายคนก็บอกว่าทานแทบไม่ได้ (คืนวันที่สองเราจะมีร้านแนะนำ ราคาเท่ากันคุณภาพดีกว่าเยอะ)

แต่มันก็เป็นร้านที่ทำให้เราเจอเพื่อน เพราะไม่นานนักก็มีหนุ่มชาวออสเตรเลียมานั่งกิน แล้วมีฝรั่งคนนึงเขาแว๊นมอไซค์ผ่านมาทำทีเหมือนจะหลง เขาก็ทักทายกัน โดยหนุ่มชาวออสเตรียเลียคนนี้เหมือนจะรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี เราเลยถามว่าทำไมยูรู้จักที่นี่ดีจัง อย่างกับคนในพื้นที่

พวกนางก็เล่า ว่าเดินเยอะ เดินวันเดียวก็ทั่วแล้ว เราเลยบอกไงว่าที่นี่มันเล็กมาก ไม่ต้องเช่าหรอกจักรยาน 55+ กลายเป็นพากันคุยเรื่องสัพเพเหระ เราไม่ได้แอบแอ๊วนางหรอกนะ แต่นางก็หล่อดี ก็แยกย้ายกันหลังจากมื้อนั้น จากนั้นเราก็เดินสำรวจตรอกอาหาร มันมีอยู่ตรอกเดียวตรงตลาดมืดที่คนเป็นล้าน

คนเป็นล้านไม่ว่า แต่อะไรก็ดูแพง แล้วก็ดูไม่ค่อยระเบียบเท่าไร แต่หลายคนก็บอกว่าอร่อยนะ มันคล้ายตรอกอาหารในสยามอะ แบบนั้นเลย คือใจนึงก็อยากชิมแต่อีกใจขอชิมพรุ่งนี้ที่ร้านเจ้จิ๋มเลยดีกว่า ตำหลวงพระบางเจ้จิ๋ม 55+

เดินวนตลาดกลางคืน 1 รอบ ได้ผ้าถุงใส่ตักบาตรมา 1 ตัว และน้ำมะม่วงที่โคตรอร่อย เราสังเกตมานานแล้วว่าน้ำมะม่วงของพม่า เวียดนาม และ ลาวแก้วละ 15-20 บาทนี่มันอร่อยเข้าถึงมะม่วงจริงๆ ชอบเที่ยวย่านนี้เพราะแบบนี้แหละ

ค่ำคืนนี้ก็จบ การเดินสำรวจโลกประมาณนี้เลย ต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นตี 5 ครึ่ง มาถ่ายรูปใส่บาตรข้าวเหนี้ยว และเดินเที่ยวทั้งวัน เดียวหมดแรง แต่แล้วเสียงในห้องนอนกลับทำให้เราผวา !!! คือมีเสียงแปลกๆราวกับคนตีกันรุนแรงมากอยู่นอกห้อง เราก็ระแวง ผีหลอกปล่าววะ ไรงี้เลยตามหาเสียงนั้น สรุปว่า…คนข้างห้องเขาทำกิจกรรมบางอย่างอยู่ ดุเดือดมาก จึงขอเตือนว่า บ้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ถ้าคิดจะทำกิจกรรมอย่างว่า ต้องเก็บเสียงหน่อยนะ 55+

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

2nd DAY : ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

รีบตื่น แล้วเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกนี้ เพราะเมืองนี้เงียบไปหมด ที่ดีตรงที่วันนี้ฝนไม่ตก เราก็เลยเลือกไปใส่บาตรแถวไปรษณีย์ ทั้งที่ถ่ายรูปไม่สวยเท่าวัดเมื่อวาน แต่ตรงไปรษณีย์มันใกล้ตลาดเช้า และ ร้านประชานิยม ก็เลยมาแถวนี้

ถ่ายรูปใส่บาตรเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปร้านประชานิยมเลย แทบไม่มีคนจ้า !!! เลยได้นั่งคุยกับคนท้องถิ่นแถวนั้น เขาก็ถามนู่นนี่นั้น แม่ค้าก็ชวนคุย ลุงโต๊ะข้างๆก็ชวนคุย ได้รูปเยอะไหมละนาง ฝนตกเนอะคราวหน้ามาอีกอย่ามาตอนฝนตก

เราก็สั่ง โอวัลตินร้อนกิน กับ ปาท๋องโก๋ ที่ข้างในมีไส้ถั่วเหลือง บรรยากาศมันก็ชิลดีจริงๆนะ มันเหมือนประเทศไทยย้อนยุคไป โดยที่ผู้คนไม่ได้จ้องแต่จอมือถือ เด็กๆสวมชุดนักเรียนน่ารักดี ผู้คนยังมารวมตัวที่สภากาแฟ ชอบบรรยากาศแบบนี้

จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่ตลาดเช้า เดินเพียง 10 ก้าวจากร้านกาแฟก็เจอ ตามจริงอาจเกิน 10 ก้าวแต่แค่จะบอกว่ามันใกล้กันมาก ฮาๆๆ คือเอาเข้าจริงอยู่บ้านที่กรุงเทพก็แทบไม่ค่อยเดินตลาด ก็เลยไม่รู้ว่าจะต่างกันไหม เราเลยถ่ายพวกของแปลกๆมาดีกว่า

คือต้องยอมรับเลยว่าของแพง แพงกว่าเราแบบ 2 เท่าเลยเช่นถุงพวกนี้ คิดเงินออกมาก็ 60-70 บาทได้ อย่างไข่มดแดงที่แบบซื้อที่ไทยปริมาณเท่านี้ 60 บาทที่นี่ปาไป 120 บาท แต่ความพิเศษที่นี่จะเป็นเรื่องของป่า และ ของมีชีวิต

คือพวก พืชผัก มันก็ใหญ่ดูอุดมสมบูรณ์ดีนะ ส่วนเรื่องของป่า ก็จะเห็นพวกกระรอก นก ปลาดุกตัวใหญ่เท่าขาไรงี้ คือมันเป็นอะไรที่อุดมสมบูรณ์มากจริงๆ

แล้วขนมครกที่นี่นะ เขาจะไม่ใส่โฟมเหมือนบ้านเรา แต่จะให้ใบตองมา แต่ก็ไม่ได้ลองชิมนะ คนต่อคิวเยอะ แล้วแบบมันเหมือนขนมครกบ้านเรา แต่เขาตั้งชื่อเวอร์วัง อัพราคา ไม่ได้กินเราหรอก ฮาา ไม่ใช่อะไรที่พักเรามีอาหารเช้า

จังหวะนี้คือเริ่มหิวจริงจัง เลยต้องเดินกลับที่พัก แต่ในเมื่อผ่านมาทางนี้ทั้งที เลยแวะเข้าวัดสักวัด เป็นทางผ่านพอดีสำหรับวัดใหม่สุวรรณภูมาราม มีเจ้าหน้าที่เก็บค่าเข้า 10,000 กีบ เขาก็ให้ปี้มาด้วยนะว่าเราเสียเงินแล้ว แต่วัดเขาสวยจริงนะ ลวดลายเป๊ะ

แล้วก็เดินผ่าน หอพระบาง คือตอนนั้นยังเช้ามากเขาเลยยังไม่เปิด แต่ที่นี่ก็สวยเหมือนกันนะ ดีงามตรงที่ไม่มีใครเดินมาเก็บค่าเข้า แต่เราไม่รู้นะมาเวลาอื่นจะมีคนมาเก็บเงินไหมไรงี้

เวลาที่เช้ามากๆ มันเป็นอะไรที่ดีมากเหมือนกันนะ เพราะตึกสวยๆ แต่ไม่มีใครเดินเลย คือใครมาแล้วถ่ายรูปจะดีมากเชื่อเราสิ เพราะมันเหมือน Private แล้วรูปจะสวยแน่นอน

แล้วเราก็มากินข้าวตรงที่พัก จากช่วงเวลาแล้วเราจะไปวัดเชียงทองอีกวัดเดียว แล้วมีเวลาเหลือเฟือมาก เลยบอกที่พักไว้ว่าอยากไปน้ำตกตาดกวางสีติดต่อรถให้หน่อย ที่พักเราคิด 50,000 กีบ รถจะมารับประมาณ 11:30 เราก็เดินเที่ยวแถวนี้ไปก่อน

ระหว่างทางที่เดินไป วัดเชียงทอง ค่ะคุณ ร้านฮิปสเตอร์ วินเทจ แล้วผู้คนก็เริ่มตื่น เริ่มมากินอาหารเช้า นั่งคุยกันเป็นวิถีชีวิตที่น่ารักดี อาจเป็นเพราะเราไม่เห็นวิถีชีวิตแบบนี้นานมากแล้วก็เป็นได้ เพราะในกรุงเทพทุกอย่างเร่งรีบ

ไม่นานนักเราก็เดินมาถึง วัดเชียงทอง มาถึงก็เสียค่าเข้าวัดสิ 20,000 กีบ ที่นี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง แต่สวยจริงๆ คือลวดลายละเอียดยิบ

วัดเป็นวัดเล็กๆ เดินมาเจอมุมมหาชนง่ายมาก ที่คนไทยนิยมเข้าไปถ่ายรูปใน วิหารน้อย กับกำแพงสีชมพู ขอเล่าสาระนิดนึง วัดเชียงทอง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง โดยในประวัติศาสตร์ล้านช้าง เคย อยู่คู่กับล้านนา ที่มีเมืองหลวงเป็นเชียงใหม่บ้านเรา

ความมาคนเดียวก็ทำได้แค่ selfie ก็มีคนแถวนั้นมาทัก นางๆ ถ่ายรูปให้หน่อย เขาแต่งตัวชุดผ้าไหมสวยมากเลยนะ ชอบที่นี่ตรงที่ผู้คนใส่ผ้าไหม แล้วสวยดี ใส่เป็นชีวิตประจำวันด้วย

จากนั้นเราก็เดินไป ร้านส้มตำเจ้ติ๋ม ร้านดังของหลวงพระบาง ดังมาตั้งแต่ยุคไหน ต่อ ยุคไหนจนปัจจุบันที่ร้านมีทีวีโค้ง ร่ำรวยกันไปแล้ว แล้วก็ได้กินตำหลวงพระบางอย่างแท้จริง พร้อมสั่งข้าวเหนียว ไข่เจียว น้ำเปล่า 1 ขวดหมดไป 40,000 กีบจ้า

คือมันอร่อยจริงๆ แหละตำหลวงพระบางเจ๋ติ๋มเนี่ย แต่แบบมาคนเดียวไง แล้วเวลาที่รถตู้จะมารับก็ใกล้แล้วด้วย เลยขอแกห่อไข่เจียว แกก็เป็นกังวล ไม่อร่อยหรอไรงี้ ตามจริงอร่อย แต่กินไม่ทันแล้วไรงี้ แล้วก็รีบเดินกลับที่พักรถตู้มาพอดีเลย

อปป้าเต็มคันรถ ณ จุดนี้คงเหมือนที่ใครหลายคนรีวิว ก็นั่งรถไปสักระยะก็จะเจอคนเก็บค่าเข้าน้ำตกอีก 20,000 กีบคือเก็บกันตรงปั๊มน้ำมัน แล้วก็ไปจอดรถ เดินเข้าไปเล่นน้ำตกกันเขาให้เวลา 3 ชั่วโมงเล่นให้เต็มที่

เอาจริงคือไม่ได้เล่นหรอกน้ำ เพราะน้ำมันเย็นมาก คนส่วนใหญ่จะเล่นน้ำกันตั้งแต่จุดแรกๆแล้ว เพราะน้ำมันเยอะ แล้วมันก็สีสวยเหมือนในภาพเลย แต่ถ้าอยากได้มุมแบบนี้ก็เดินไปในสุดเลย ไม่ไกลเหมือนน้ำตกที่ไทย ไม่นานนักก็กลับมา รถตู้ก็มาส่งเราตรงวัดพูสี

จะขึ้น วัดพูสี มีค่าขึ้นไป 20,000 กีบจ้า ขึ้นมาตั้งแต่ 4 โมงเย็นอะมานั่งอาบแดดนานมาก โดยคาดหวังจะเห็นพระอาทิตย์ตกดิน กว่าคุณพระอาทิตย์จะตกปาไป 6 โมงเย็นแต่การขึ้นมาเร็วคือการได้อยู่แถวหน้าเลย ก็ดีไปอีกแบบ

ยอมนั่งหน้าดำกับวิวริมน้ำ มีเรือผ่านมา แสงสะท้อนน้ำ ก็ได้วิวมาประมาณนี้แหละ จะเรียกว่าคุ้มไหมก็ไม่กล้าการันตีเลยจริงๆ ฮาๆ

ตอนแรกจะเดินไป Utopia ต่อแต่ยอมรับว่าไปคนเดียว มันจะดูเหงาจนเกินไป แล้วอีกอย่างรีบไปบอกที่พักเรื่องรถไปวังเวียงดีกว่า วันนี้เลยกลับไปหาอะไรกินแถวที่พักเลย ร้านนี้แนะนำราคา 15,000 กีบแต่หมู เส้น ผักเต็มชาม ดีกว่าอีบุฟเฟต์ไร้เนื้อตรงนั้นมาก เราแนะนำร้านอยู่ตรง วิลล่า จำปา ลองดูเด้อ

จบค่ำคืนนี้ พร้อมบอกที่พักให้เรียกรถมารับไปวังเวียงให้ที สิ่งที่ค้นพบเพิ่มคือ คนลาวบางคนเขาก็ฟังภาษาไทยไม่ออกนะ ก็เลยต้องพูดภาษาอังกฤษ ได้รถตู้ไปวังเวียงตอนเช้า ราคา 120,000 กีบรูดบัตรเอาค่ะ ชาร์ตค่ารูด 3% เพราะเดียวไม่มีเงินที่วังเวียง

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

3rd DAY : มุ่งสู่วังเวียง

จะพูดว่าหนทางมันอันตรายก็ถูก เพราะที่นี่มีแต่เขา แล้วช่วงแรกเรานั่งตำแหน่งหลังสุด ทางก็เป็นหลุมสุดๆ แทบอวก จังหวะที่เขาจอดพักรถก็เลยขอคนขับไปนั่งหน้าสุด แล้ววิวที่เห็นก็เป็นแบบนี้เลย

ระหว่างข้างทาง ก็แวะกินแล้วเราก็เห็นห่อใบตอง เราก็ถามเขาว่าอะไร เขาก็บอกว่า ส้มหมู คืออะไรวะ !!! ในใจก็คิด ก็เลยตามเลยลองซื้อพอแกะออกมาอ่อๆๆๆ แหนม 55+ ก็นั่งไป 5 ชั่วโมงนิดๆได้ก็ถึงวังเวียง [รีวิววังเวียง]

Exit mobile version