
ฮ่องกง รีวิว – เคยชิงโชคอะไรกันบ้างไหม ? ถ้าไม่นับเรื่องหวย อิชิตันลุ้นเงินล้าน มาม่าแจกทอง เรื่องราวเหล่านี้เราไม่เคยเชื่อเลยว่าจะเป็นไปได้จริง ถ้าเราไม่เคยไปเที่ยวกับเหล่าบุคคลที่ดวงเฮง เหล่านี้ตัวเป็นๆ สำหรับผู้โชคดีจากการร่วมสนุกกับรายการทาง Mono 29 แล้วได้มาทริป Special ขนาดนี้ เราก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทริปแต่เรามีหน้าที่รีวิว ตามเรามา 6 August Journey จะพาไปชมการกินดี อยู่ดีของผู้โชคดีเหล่านี้กัน
1st Day in Hong Kong
[section background_image=”” text_color=”#666666″ background_color=”#eeeeee”][icon type=”fa-hashtag” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]จุดไฮไลต์ฮ่องกงปี 2017 (วันที่ 1)
– พระใหญ่บนหนองปิง จะมีจุดขอพร ที่เป็นวงกลมล้อมรอบ เราแค่ไปยืนตรงกลางของวงกลมแล้วขอ จากนั้นให้พูดคำว่าสาธุ 3 ครั้งดังๆ เสียงสาธุจะดังก้องในหู เป็นเสียงสะท้อน
– Outlet ที่อยู่ข้างล่าง หนองปิง ที่ชื่อว่า City Gate ชั้นสูงๆแบบที่ต้องขึ้นลิฟต์ไปจะมีรองเท้าถูก และแบบใหม่เยอะ
– การแสดง Symphony of life บริเวณอ่าวฮ่องกงเมื่อก่อนจะเปิดไฟ 44 ตึกแต่เนื่องจากโลกร้อนและทาง Green peace มาประท้วงจึงยอมลดเหลือแค่ 8 ตึกในปัจจุบัน
– Biotherm cleansing water ที่ตลาด Lady Market ถูกมากตกขวดละ 400 ซึ่งเมืองไทยขาย 700 กว่าบาท และร้าน Sasa ไม่ได้ถูกที่สุด แนะนำเดินเช็คราคา[/section]
เช้านี้เรารีบเร่งมาเจอกันที่สุวรรณภูมิเตรียมตัวบินดี อยู่ดีด้วยสายการบิน Cathay Pacific สายการบินประจำชาติฮ่องกงนั่นเอง สายการบินนี่เขาจะ Full Service ทั้งกระเป๋า ที่นั่ง ทุกอย่างเต็มที่จริงๆ
จองตั๋วบินแบบฟูลเซอวิสขนาดนี้ เราแนะนำ Traveloka ที่จะช่วยประหยัดงบไปได้พอตัว ดูโปรโมชั่นสิ มีทุกวันจริงๆ ที่สำคัญแอพเดียวเที่ยวได้ทั่วโลกเลย เพราะจองที่พัก และ ตั๋วบินก็จองได้เช่นกัน แอพเดียวเที่ยวสบายจริง ส่วนความ Full service ที่เราชอบเลยคือ อาหารบนเครื่องจะ Full เช่นเดียวกับบริการแต่รสชาติจะค่อนข้างจืด แต่พวกขนมปัง ของหวาน ผลไม้อร่อยมากนะขากลับเรามีไอศครีม Häagen-Dazs เป็นของหวานด้วยนะเออ
นอกจากของกินแล้ว ก็ยังมีหนังให้เราดู มีเกมให้เราเล่นตลอดทางกับจอทีวีข้างหน้า ทำให้เราไม่เบื่อ ยิ่งถ้าบินกลางคืนนะ หมอน ผ้าห่มต้องมีมาให้คนล่ะห่อเลย ถือว่าเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล กับราคาที่จ่ายอย่างแท้จริง !
ชั่วโมงนิดๆเราก็มาถึงฮ่องกง ที่นี่เขามี Airport โดดเด่นในนามว่า เช็กแล็บก็อก โดยปัจจุบันมีการสร้างสนามบิน เหมือนต่อขยายขึ้นทำให้ใหญ่ขึ้นมากจากแต่เดิม (Sep 2017)
1st Place : Ngong Ping 360 (กระเช้าหนองปิง)
เราเริ่มกันที่กระเช้าแห่งนี้ ซึ่งเราต้องนั่งกระเช้าข้ามภูเขาทั้ง 5 ลูกไปโดยจะมีราคาสองแบบ แบบธรรมดา และ แบบพื้นกระจกใส (Crystal Cabin) จังหวะนี้เราจะมองเห็นฮ่องกงแบบ 360 องศาได้ สิ่งแรกที่เรามองเห็นก็จะเป็นเรื่องคอนโดที่นี่ อยู่กันอย่างแออัดพอตัวเลย
ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีก็จะสามารถขึ้นมาถึงยอดซึ่งเป็นตั้งของหมู่บ้านวัฒนธรรมนองปิง ข้างบนอากาศจะดี และมีร้านค้าของชำร่วยมากมาย มี 7-11 บนนี้ด้วย อาหารมือแรกของพวกเราก็เริ่มที่บนนี้เช่นกัน ร้านดังที่หมึกแดงชวนชิม
ที่นี่เราบอกเลยว่าอร่อย ขนาดไข่เจียวธรรมดายังอร่อย เมนูแปลกๆต้องลองก็ทำได้อร่อยแบบไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน แต่อาจจะรอนานหน่อย เพราะร้านนี้มีทัวร์มาลงกันเยอะ ที่แน่ๆทัวร์ไทยมากันเยอะ เข้าไปในร้านเจอแบบ 2-3 กรุ๊ปทัวร์ได้
ทานเสร็จแล้วไปเดินเล่นกัน เพราะตามจริงแล้วที่นี่มีพระใหญ่อย่าง พระใหญ่และอารามโป๋หลิน ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของฮ่องกง สร้างด้วยความเชื่อ และหันหน้าเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ โดยจุดขอพรเขาก็มีเรื่องอัศจรรย์
จุดขอพรจะเป็นพื้นที่วงกลม แล้วให้เราไปยืนตรงกลาง ไกด์บอกว่าการขอพรที่นี่เมื่อขอจบให้พูดดังๆว่า สาธุ สาธุ สาธุ 3 ครั้ง แล้วเสียงจะกล้องกังวานในหูเรา นั่นแหละถือว่าจะสมหวัง ซึ่งหลายต่อหลายคนก็แปลกใจว่ามันดังกล้องจริง
นอกจากการขอพรพระแล้ว บนนี้เขาก็มีสิ่งมหัศจรรย์คือวัว ตอนแรกเราก็ตกใจมาก บนภูเขาสูงขนาดนี้มีวัวตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรที่ไหนได้ บนนี้รถสามารถขับขึ้นมาได้ 55+ นี่คือเข้าใจว่าแบบมีอะไรศักสิทธิ์อีกแล้วหรอ
2nd place : Citygate Outlets
เมื่อลงมาจากระเช้า เดินไปบริเวณ MRT บ้านเขาจะเจอ Outlet เรื่องที่เพิ่งรู้อีกเรื่องคือ ที่ฮ่องกงของเขาปลอดภาษี 100% ที่นี่จึงเป็นที่ๆคนนิยมมาช็อปปิ้งกัน แล้วรัฐบาลเขาอยู่ได้อย่างไร เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังถัดไป แต่ตอนนี้ขอชี้เป้าก่อนว่าให้ถ้าซื้อรองเท้าพุ่งขึ้นไปเลยค่ะชั้นสูงๆ ขึ้นลิฟต์ไปเลยตกคู่ล่ะ 1700 ได้พวก Adidas, Nike
The 3rd place : Symphony of Lights Hong Kong
ย่านชม Symphony of Lights Hong Kong เป็นย่านที่บรรยากาศจะหรู ตึกราบ้านช่องจะคล้ายยุโรป แล้วผสมความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยเข้าไปด้วย แต่ก่อนชมแสงสีสวยงามที่จะเปิดทุกวันเวลา 2 ทุ่มเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
ร้านที่เราแวะกินกันเราว่าไม่ค่อยถูกปากเท่าไรนัก แต่อาจเป็นเพราะใกล้จุดชมแสงสี เราเลยมาลงเอยกันที่ร้านนี้ ดูจากเมนูแล้ว เป็ดธรรมดา ไข่เจียวก็ธรรมดา อาจเป็นเพราะมื้อแรกอร่อยมากก็เป็นได้
จากนั้นก็เดินข้ามถนนกันมาได้เลย เพื่อมารอชมแสงสี ที่แห่งนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นจุดชมแสงสีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่หลายปีก่อนทาง Green peace ก็มายืนประท้วงกันทุกวัน เพราะการแสดงแต่ละครั้งต้องเปิดไฟทั้ง 44 ตึกรอบอ่าวได้ ซึ่งเป็นการเปลืองไฟ
ปัจจุบันทางรัฐบาลฮ่องกงจึงลดเหลือแค่ 8 ตึก คือฟังแล้วก็ตกใจนี่ลดเยอะไปไหม 55+ แต่ก็ยังคงสวยงามอยู่ บริเวณนี้มีสัญลักษณ์ของอ่าวที่นี่คือเรือสำเภาจีนสีแดง ที่จะมีหลากหลายราคา และ ระดับ
ลำพังแค่วิวตรงหน้า รู้ไหมว่าเกิดเรื่องดราม่า สู้รบกันเรื่องฮวงจุ้ยกันเยอะมาก เพราะตึกตรงหน้าจะมี 2 ธนาคารชื่อดังอย่าง HSBC และ Bank of China ที่ตึกนึงทำตึกเหมือนมีดที่คอยฝ่าฟันสิ่งไม่ดีออกทุกทิศทุกทาง อีกฝ่ายจึงสร้างปืนใหญ่เพื่อแก้ฮวงจุ้ย มหากาพมากจ้า
Stay here : City View
เป็นเวลาค่ำแล้ว แต่เราจะไม่ยอมหลับยอมนอนกันแน่ๆ เมื่อที่พักทั้ง 2 คืนดันเป็น City View ที่ใกล้ Mong Kok แหล่งรวมแฟชั่นวัยรุ่นฮ่องกง เครื่องสำอาง H&M ร้านอาหาร ร้านขนม รวมทั้ง Lady Market คุณอาจนอนไม่หลับได้ถ้าไม่ได้มาเดิน 55+
จัดข้าวของเข้าที่ แล้วก็เตรียมถุงผ้าไปเดินช็อปปิ้งกันได้ มันอยู่ไม่ไกลจากที่พักจริงๆ เหมือนเดินข้ามถนนก็เจอเลย นอกจาก Location แล้วที่นี่นอนสบายสมราคา ทุกอย่างครบเราให้คะแนนเต็มเลยล่ะกันสำหรับ City View
The 4th place : Mong Kok & Lady Market
ที่นี่มีทั้งของกิน เสื้อผ้า แฟชั่น ครีมสารพัดจะมี แต่สิ่งที่ไกด์แนะนำก็คือ รองเท้า เพราะไกด์บอกเลยว่าร้านนี้นะ ที่คนมุ่งกันเยอะๆนะ เขามีที่เก็บรองเท้าถึงชั้นบน ที่สำคัญราคามันจะเป็นประมาณ 1700 ถึง 2000 ต้นๆ แต่รองเท้าจะรุ่นใหม่นะ มันจะต่างจาก Outlet บ้านเรา
พูดถึงเรื่องความสวยความงาม กันบ้างร้านดังที่นี่อย่าง Sasa เราขอบอกให้เดินเช็คราคาก่อนจะดีกว่าเพราะที่นี่ร้านไม่ได้เยอะเลย เดินเข้าร้านนู่นออกร้านนี้แปบเดียวก็เทียบราคาจบแล้ว แต่ราคาถูกกว่าที่ไทยจริง อย่าง Item สุดฮิต biotherm cleansing water เราโดนมาประมาณ 480 บาทไทยที่ร้าน Sasa แต่ร้านธรรมดาถูกกว่านั้นอีก ที่ไทยขาย 700 กว่านะขวดแบบนี้
2nd Day in Hong Kong
[section background_image=”” text_color=”#666666″ background_color=”#eeeeee”][icon type=”fa-hashtag” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]จุดไฮไลต์ฮ่องกงปี 2017 (วันที่ 2)
– สถานีรถไฟที่ฮ่องกงจะมีการตกแต่งที่ไม่ซ้ำกันในแต่ล่ะสถานี แนะนำให้ลองถ่ายรูปคู่ตามป้ายชื่อสถานีไว้ก็ดีนะ
– ที่ Disneyland Hongkong ถ้าโตหน่อยเราแนะนำให้มุ่งหน้าไปที่โซน Everland ที่จะมี Iron Man และอีกโซน Toy Story ที่จะมีเครื่องเล่นหมี กริซลี่โหด ที่จะทำเราหยุดหายใจได้บ้างในตอนท้าย [/section]
เช้าวันที่ 2 ได้เริ่มขึ้นแล้วเรามาต้อนรับเช้าวันนี้ด้วยติ่มซำ ซึ่งตามจริงแล้วที่โรงแรมมีอาหารเช้าอยู่แล้ว เขาบอกว่าร้านนี้อร่อยจริงและเดินไปได้ สบายๆเลยจัดเลยจ้า ทางไกด์เขาคัดมาแล้วว่าอะไรอร่อย
[col2 ][/col2][col2 ]
[/col2]
เปิดเมนูด้วย โจ๊กเห็ดหอม อร่อยหอมร้อนๆกลิ่นแตะจมูกมาก ตามมาด้วยก๋วยเตี๋ยวหลอด คือมันได้อารมณ์เหมือนอาหารเวียดนามดีนะ 55+ อร่อยละมุนดี แต่ไม่รู้ราคาเท่าไรนะ
[col2 ][/col2][col2 ]
[/col2]
เซตต่อมาหน้าตาดูไม่น่ากิน แต่ที่ไหนได้อร่อยมาก ชิ้นขาวๆ แต่กัดข้างในเป็นมันแกว และผักอื่นๆ แปลกไม่เคยกินที่ไทย ที่สำคัญอร่อยดี เราชอบ พวกขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปาอร่อยมสมกับการมาจริงๆ
[col2 ][/col2][col2 ]
[/col2]
ส่วนเมนูสุดท้าย สำหรับเรานะไม่อร่อยเท่าหน้าตา เพราะมันดูดีมาก แต่แบบไม่รู้จะอธิบายยังไง ใสๆมีไส้น่ากิน แต่รสชาติมันไม่ใช่ ถือว่าเล่าสู่กันฟัง อย่าเผลอสั่ง หรืออยากลองก็ตามใจจ้า 55+
The 5th place: Hongkong Disneyland
แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ Disneyland Hongkong ดินแดนในฝัน อันที่จริงแล้วเราเคยไปมา Disney Sea Tokyo และ Universal Sinagapore มาแล้วถ้าจะเปรียบเทียบ ที่นี่จะสนุกไปคนล่ะแบบ แต่สิ่งที่เราชอบที่นี่คือเหมือนเมืองในฝัน เป็นสีพาสเทลเต็มไปหมด
ความเป็นฮวงจุ้ยที่นี่เขายังมีนะ ถ้าใครได้ลองมา เมื่อเดินเข้าสวนสนุกมะจะพบสระนำพุ ที่มีมิกกี้เมาส์กำลังเล่นเซิร์ฟ มองทะลุน้ำพุไปจะเห็นภูเขาชัดเจน เชื่อยังว่าเขาให้สวนสนุกแห่งนี้เป็นบ่อรับทรัพย์ ก็เป็นเรื่องจริงที่ใครมาที่นี่ก็มักจะมาที่นี่กัน
สิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษคงเป็นขบวนพาเหรด ที่เราบอกเลยว่าอย่างกับหลุดมาจากในการ์ตูนจริงๆ เพราะนางเอกของแต่ล่ะเรื่องอย่างซินเดอเรลล่า สโนไวท์ และ เบลล่าหน้าตาเขาเหมือนในการ์ตูนที่เราดูมากทั้งๆที่เขาเป็นคนจริงๆ คุณพระ !!!
ไม่ใช่แค่ข้างนอกนะที่จะพาสเทล ข้างในก็สร้างมาได้ราวกับว่าเรากำลังเดินในการ์ตูน บางร้านขายของชำร่วย บางร้านขายขนม บางร้านขายกาแฟ และชา น้ำรสชาติพิเศษก็เป็นอะไรที่ควรลอง ที่อยากเล่าอีกเรื่องคือของกินแต่ล่ะโซนจะมีเอกลักษณ์ต่างกันจ้า
มาที่ไฮไลต์กันดีกว่าสำหรับเครื่องเล่นใหม่อย่าง Iron Man ถือเป็นเครื่องเล่นใหม่ของที่นี่ มันจะเป็น 4D ที่สามารถจับเราเขย่า ราวกับว่าเราอยู่ในเรื่อง Iron Man จริงๆ สร้างความหวาดเสี่ยวได้ไม่น้อย ทำให้เรานึกถึง Transformer ที่ Universal Studio Singapore เลยจ้า
ถึงอาหารกลางวันจะเป็นอะไรที่เราต้องลุ้นกันหนักหน่อย เพราะถ้ากินผิดโซนชีวิตจะเปลี่ยนทันที 55+ ดีที่เรามาเลือกกินในโซน Tomorrow Land ซึ่งเป็นโซนเดียวกับกัปตันอเมริกา ทั้งชุดที่กินมูลค่า 500 บาทจ้า (กันยายน 2017) !!! ดีนะทางทีมงาน Mono 29 ให้เงินไว้ใช้ในสวนสนุกด้วย 55+
ส่วนขนมที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นดิสนีย์แลนด์อย่างวาฟเฟิลมิกกี้เมาส์นี้ อร่อยมากสนนราคาที่ 250 บาทไทยได้ (กันยายน 2017) แต่มันอร่อยจริงๆนะ เนื้อแป้งเปล่าๆก็อร่อย แต่เขาใส่น้ำผึ้งมาด้วย ใส่ช็อคโกแลตมาด้วยดีงามตรงนี้ เอาเข้าจริงกินแค่นี้ก็อิ่มนะ
แล้วเราก็มายืนรอชมขบวนพาเหรดอีกรอบ รอบนี้จะเป็นฮัลโลวีน ช่างน่ากลัวเหลือเกินมิกกี้เมาส์ปลอมตัวเป็นผี 55+ แต่เต็มที่ทุกการแสดงเลย ทำให้เราอยากออกไปเต้นกับเขาจริงๆ ชอบมากเลยขบวนพาเหรดที่นี่
The 6th place : Go around
ภาพตัดมาที่พัก เพราะเราไม่ได้อยู่รอดูพลุที่ Hong Kong Disneyland เพราะหลายคนก็อยากมาช็อปปิ้ง เราเลยมีเวลาส่วนตัวออกมาเดินเล่น เลยออกมาตาหามุมอาร์ตที่ย่าน Holly Wood ตามจริงเราก็ดูภาพและอยากไปมากมาย แต่ติดตรงที่มันค่ำ และพวกเราไม่มีอินเตอร์เน็ตแล้วด้วย
เป็นห่วงเรื่องการหลงทาง นอกจากเน็ตจะไม่ได้ซื้อแล้วพวกเรายังไม่ได้ซื้อบัตร Octopus เพราะคิดว่ายังไงก็เดินทางกับทัวร์ เลยเลือกหยอดเป็นสถานี ค่าโดยสารเขาแพงมากนะ เคยรู้ใช่ไหมว่ารถไฟที่นี่แต่ละสถานีจะคนละสี คนล่ะความงาม เราเลยตามล่าความงาม เหล่านี้แทน 55+
[col2 ][/col2][col2 ]
[/col2]
[col2 ][/col2][col2 ]
[/col2]
จุดเด่นของที่นี่อีกเรื่องคือรถราง ที่มี 2 ชั้นพวกเราก็ไม่ได้ขึ้นอีกแหละ 55+ ได้แต่เก็บรูปไว้ ถ้ากลับมาอีกก็คงอยากกลับมาขึ้น แอบนึกถึงมิวสิควีดีโอ เป็นทุกอย่างของ Room 39 แล้วนึกถึงชั้น 2 ของรถราง
เดินเล่นหลายแหล่งแล้วก็กลับมาที่พัก วิธีที่เราจำและลุ้นว่าจะขึ้นมาถูกไหมคือการจำตู้บริการผู้โดยสาร ตามสถานีพยายามจำพวกนี้เป็นจุดอ้างอิง การไม่มีอินเตอร์เน็ตมันก็ลำบากเหมือนกันนะ
The 3rd Day in Hong Kong
[section background_image=”” text_color=”#666666″ background_color=”#eeeeee”][icon type=”fa-hashtag” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]จุดไฮไลต์ฮ่องกงปี 2017 (วันที่ 3)
– เดินเข้าวัดด้วยเท้าซ้าย และ ออกด้วยเท้าขวา (คล้ายเข็มนาฬิกาที่ชีวิตจะก้าวหน้า)
– กรุณาเตรียมแบงค์ใหญ่ๆ ไปเยอะๆ เพราะเราต้องหาแบงค์ที่มีเลขมงคล ไปลูบ ไปขอพรแล้วเก็บเข้ากระเป๋าตังไว้ตลอดเวลา (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
– ถ้าจะซื้อกังหันแนะนำให้เช็คว่ามันหมุนได้ไหม เพราะการที่ตัวเรามีของที่เคลื่อนไหว หมุนได้ติดตัวจะดึงดูดเงินทองเข้ามามาก (ความเชื่อส่วนบุคคล)[/section]
เช้านี้เราเริ่มที่อาหารเช้าจากทางโรงแรม ไม่ได้มีของแบบจัดเต็มมาก แต่ก็โอเคหลายอย่าง อย่างโจ๊ก และ ชาที่นี่อร่อยแบบต้นตำรับจริงๆ วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่จะใช้ชีวิตที่ฮ่องกง เขาเลยพาเดินทางบุญกันเริ่มต้นที่วัด
The 7th place : Pray at Repulse Bay
ที่บริเวณ ริมหาดรีพัลส์ เบย์ เขาจะมีหลายเทพ หลายสิ่งศักสิทธิ์ให้ขอพรกัน ในแต่ล่ะเรื่องแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คู่ครอง ขอบุตร ขอหน้าที่การงาน แล้วมีวิธีขอที่แตกต่างกันออกไปด้วยนะ
อย่างเจ้าแม่กวนอิมต้องยืนบนกระเบื่องขาวแดง เพราะจะเป็นจุดที่เขาว่าเป็นจุดเบิกเนตร มองขึ้นไปจะมองตาท่านพอดี เขาให้ขออะไรก็ได้ที่คิดว่าสำคัญสุดในเวลานั้น บริเวณข้างหน้าเจ้าแม่กวนอิมจะมีเทพเจ้า ไฉ่ ซิน เอี้ย เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่เขานิยมเอาแบงค์ที่มีเลขมงคลมาลูบ โดยต้องลูบตั้งแต่หน้าท่านผ่านมาที่ตัวแล้วลูบลงไปที่ถุงเงินถุงทองที่ท่านถืออยู่
ส่วนใครที่อยากก้าวหน้าทางหน้าที่การงานก็ให้ขอพรแล้วลูบที่เคราของท่าน ส่วนคนข้าขาย มีธุรกิจให้ลูบที่ดาบของท่านเพื่อช่วยในการฟันฝ่าทางธุรกิจ ส่วนใครอยากมีลูกให้เดินไปลูบท้องของพระยิ้ม ลูกชายลูบท้องขวา (มีเด็กผู้ชายอยู่ตรงนั้น) ส่วนอยากได้ลูกสาวให้ลูบด้านซ้าย
ส่วนเรื่องคู่ให้ไปบริเวณที่มีด้ายแดง มีหินมีด้ายแดงแล้วลูป
The 8th place: Che Kung Temple (วัดกังหัน)
ก่อนจะไปถึงโปรแกรมสุดท้ายของทริปนี้เราก็มาแวะช็อปเครื่องรางของขลัง ที่ทางไกด์เขาเล่าว่า ถ้าชีวิตเรานิ่งๆ การค้าขายไม่ดัง เขาแนะนำให้ตัวเราพกอะไรก็ได้ที่มีการเคลื่อนไหว อย่างเช่นกังหันในครั้งนี้ ที่ทำมาจากเงินแท้ ทองขาวบ้าง มีทำเป็นจี้ธรรมดา และ แบบแหวน เพราะเขาบอกว่ามือเราเคลื่อนไหวเยอะกว่า
ราคาแรงหลายระดับตั้งแต่ 3,000 บาทถึง 30,000 บาท มีใบรับประกันสามารถกลับมาอัพรุ่นได้ด้วยในอนาคต เมื่อซื้อเรียบร้อยก็พากันมาทำพิธีที่วัดกัน เขาก็จะมีชุดธูปชุดเทียนให้ซื้อ ธูปเทียนใหญ่มากค่ะ ถ้าหลงเข้าไปนี่มีเมาควันแน่นอน
ที่นี่มีสร้างเพื่อระลึกถึงท่าน แชกง ที่มีเรื่องเล่าว่าเมื่อ 300 ปีก่อนมีโจรจะมาปล้นหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงพากันอพยพ กลางทางมีหญิงสาวพบเจอชายชราเครายาวบอกว่าให้กลับไปที่หมู่บ้านแล้วพับกังหันกระดาษให้ได้มากที่สุดแปะไว้ที่หน้าบ้าน คืนนั้นสรุปโจรข้ามหมู่บ้านนั้นไปเฉยๆเลย ชาวบ้านจึงเชื่อว่าชายแก่คนนั้นคือท่านแชกงนั้นเอง
ส่วนการเข้ามาเคารพที่นี่เขาจะมีกังหันให้หมุน ให้หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อความเชื่อว่าจะมีสิ่งดีๆหมุนเข้ามาในชีวิต แล้วก็เดินไปตีกลอง 3 ครั้งดังๆให้สิ่งศักสิทธิ์รับรู้เท่านั้นถือเป็นการจบพิธี
The 8th place : Harbour City and Canton Road
ย่านนี้มีของแบรนด์เนมเต็มไปหมด อยากได้หลุยส์มีหลุยส์ อยากได้โคชมีโคช แต่เราชอบตึกราบ้านช่องย่านนี้เลยเลือกไปช็อปปิ้งแถวนี้แทน เดินไปเดินมาไปเจอท่าเรือ ได้วิวสวยงาม เลยอยากแนะนำให้แวะมาเดินเล่นกันจ้า
จบทริปมุ่งหน้าสู่สนามบินเพื่อบินกลับจ้า การเป็นคนโชคดีมันดีอย่างงี้นี่เอง ใครอยากเป็นผู้โชคดีบ้างก็ไปเล่นเกมกันที่ Page Mono 29 กันได้จ้า