Site icon 6 AUGUST JOURNEY

เที่ยวไทจง | ไต้หวัน 4 วัน 2 เมือง กับเงิน 2,800 บาท นี่ไปเที่ยวหรือไป Survival

เที่ยวไทจง

เที่ยวไทจง – ถือเป็นความบ้า และ เป็นการท้าทายอำนาจมืดที่สุดในชีวิตที่ครั้งนึงเราเลือกจะทำอะไรแบบนี้ในชีวิตกับการเดินทางไกลบ้าน แต่กลับพกเงินแค่นี้กับเรื่องราว

ไต้หวัน 4 วัน 2 เมือง กับเงิน 2,800 บาท นี่ไปเที่ยวหรือไป Survival

ด้วยความที่ใครๆต่างเล่าว่า ไต้หวันนะคล้ายญี่ปุ่นเลย แต่ราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง เราเลยอยากลองพิสูจน์ว่า มันเป็นไปได้จริงหรอที่คนพกเงินไป 2,800 บาทจะอยู่รอดจริงๆ ตามเรามา 6 August Journey จะเล่าให้ฟังทุกรายละเอียดจ้าตอนนี้เราได้เดินทางมาถึงไทจงแล้ว ส่วนไทเปย้อนอ่านได้ตามลิงค์นี้จ้า (ไทเป)

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]เตรียมตัวจากเมืองไทย[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f0f763″]

[toggle title=”จองตั๋วรถไฟความเร็วสูงล่วงหน้า (โคตรสำคัญ)”]จะรู้ได้ยังไงว่าเราต้องขึ้นรถไฟความเร็วสูง ?
สิ่งแรกที่เราอยากฝากเลยคือ เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปไหน นั่งรถไฟธรรมดา หรือ นั่งรถบัสใช้เวลาเท่าไร ถ้าโอเคกับเวลานั่งธรรมดาก็ได้ แต่อย่างกรณีเราต้องมีเช้าวันนึงต้องรีบกลับไทยในช่วงเวลาเช้า รถไฟความเร็วสูง (THSR) จึงตอบโจทย์

แต่เราอยากเน้นเรื่องจองล่วงหน้าลดถึง 35% เลยนะ !!!

เช่นเคสเราสมมุติว่าตั๋วราคาเต็ม 700 NT$ ก็ได้ส่วนลดถึง 245 NT$ (35% เต็ม) กลายเป็นว่านั่งรถไฟความเร็วสูงด้วยราคา 455 NT$ เท่านั้น โดยต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 5 – 28 วันถึงจะได้ส่วนลดชัวร์ๆ จองล่วงหน้ามากๆ หรือ นั่งรอบดึกโอกาสได้ลดถึง 35% จะยิ่งมากไปด้วย

ช่องทางการจอง >>> https://irs.thsrc.com.tw/IMINT/ เราก็กรอกรายละเอียดไป ต้นทาง – ปลายทาง แล้วกรอก Verification code จากรูปที่เห็น แล้วกด Search

จากนั้นจะเห็นว่ามีรอบเวลารถไฟให้เราเลือก และจะเห็นชัดเจนแดงๆว่าลดกี่ % บ้าง จากนั้นเราก็เลือกตามที่เราสะดวก ขั้นตอนถัดไปคือการกรอกรายละเอียดส่วนตัว สิ่งสำคัญคือเลขพาสปอร์ตอย่าผิด จากนั้นก็ชำระเงิน จะใช้เครดิต หรือ เดบิตการ์ก็ได้ตามสะดวก ทำขั้นตอนเรียบร้อย เขาจะส่งเลข Reservation มาให้เราอาจจะถ่ายรูป Capture ไว้เฉยๆก็ได้นะ ไม่ต้องปริ้นต์ ตอนไปเอาบัตรก็แสดงเลข และ ยื่นพาสปอร์ตเท่านั้น

จองผิดทำไงดี ?
ทริปนี้เราก็จองผิดนะ แทนที่จะนั่งไปลงสนามบินเลย กลับใส่ว่าไปไทเป วิธีแก้ไขก็ตอนรับบัตรนั้นแหละ บอกเขาไปเลย I would like to change the destination. ถ้าเปลี่ยนแล้วได้ส่วนต่างคืน มันจะคืนเข้าบัตรที่เราจ่าย เช่นของเราจ่ายผ่านบัตรเครดิต มันก็จะคืนผ่านบัตรเครดิต แต่ถ้าต้องเสียเพิ่มก็จ่ายตรงนั้นเขาก็จะออกบัตรใหม่ให้เลย[/toggle]
[toggle title=”อินเตอร์เน็ตใช้แบบไหนดี”]
ไปคนเดียว
เราแนะนำให้ใช้ซิมส์ โดยจะมีขายในสนามบินเลย ดังนั้นอย่าลืมแลกเงินไปให้เรียบร้อย ราคาก็เป็นตามภาพเลยจ้า

Processed with VSCO with s3 preset

ไปเป็นคู่ / เป็นกลุ่ม
เราแนะนำให้ใช้ Pocket wifi เพราะการเที่ยวที่นี่เปลืองแบตมือถือมากนะสำหรับหลายๆที่ ถ้าต้องมีคนนึงเปิด Hot Spot แบ่งปันสัญญาณคงไม่ดีแน่ๆ อย่างที่เราไปกับพี่สาว 2 คนใช้บริการกับ Tripizee เป็นบริการ 4G Unlimited ทั่วไต้หวันในราคาวันล่ะ 150 บาท จากปกติ 300 บาท สัญญาณดีแม้อยู่บนเขาไป 4 วันแค่ 300 บาท (หารกับพี่สาว) ก็ถูกกว่าซื้อซิมส์แบบไปคนเดียวอีก แล้วเขามีโปรบ่อยลองเข้าไปเช็คได้[/toggle]
[toggle title=”เก็บกระเป๋ากัน”]
สิ่งที่ห้ามลืมเวลาไปไต้หวันคือ “Universal Adapter” หรือ หัวปลั๊กอเนกประสงค์ เพราะที่ไต้หวันใช้หัวปลั๊กคนละแบบกับบ้านเรา ส่วนที่เหลือบ้านเขาก็ไม่ต่างจากบ้านเรา หาซื้อได้ที่นั้นไม่ต้องกังวลมากนัก[/toggle]
[toggle title=”แลกเงินไปเท่าไรดี”]ทำไมต้อง 2800 ?
มันเกิดจากการคิดมาแล้วตั้งแต่การตั้งใจเติม Easy Card เท่าไรเราก็ลองลิสต์ว่าเราอยากไปไหนบ้าง จากสถานีไหน ไปที่ไหน ราคาเท่าไร ใช้เวลาเท่าไรในไทเป เราใช้ http://english.metro.taipei/ ในการคิดค่าโดยสาร (ช่องซ้ายมือใส่ต้นทาง – ปลายทาง)

ส่วนอีกเมือง รถเมล์ที่ไทจงส่วนใหญ่ถ้านั่งไม่เกินกี่กิโลก็นั่งฟรี เราก็เตรียมเงินสำหรับ Easy Card 800 NT$ ส่วนอีก 2,000 NT$ เป็นค่ากินค่ารถไฟ ค่าขนมต่างๆ ในที่นี่สถานที่เที่ยวที่เราเลือกมาต้องฟรี เราเลยมั่นใจว่าเราใช้เงินไม่เกินนี้แน่[/toggle]
[toggle title=”ที่พักจองโดยตรงถูกมาก !!!”]ข้ามเมืองมาแล้ว 2 วันนี้เราจะใช้ชีวิตที่ไทจง แล้วเราก็เลือกพักกับที่นี่ Trans Inn ที่พักที่มีเซตอาหาร Mc Donald มาให้เลือก เราชอบที่นี่มันสบายดี 55+ (รีวิว)

[/toggle]

 

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]ทำอะไรที่ไทจง[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f0f763″][toggle title=”ไปไต้หวันซื้ออะไร”]ที่เราซื้อก็คล้ายๆกับคนทั่วไปเลย รายนามดังนี้
1.) ชา และ กาแฟ (ขวดน่ารัก)
สามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อ อย่าง 2 อันนี้ซื้อที่ Family Mart ชา 28 NT$ ส่วนกาแฟ 30 NT$

2.) ขนมยอดฮิต
ขนมยอดฮิตที่นี่คงหนีไม่พ้น เค้กสัปปะรด เราซื้อ 2 ที่
ที่ไทเป 8 ชิ้น 300 NT$ (ราคากันยายนปี 2017 :ซื้อกลาง Ximenting เพราะน่ารักดีมีลาย Gudetama และ คิตตี้ 55+)
ส่วนที่ไทจง 12 ชิ้น 300 NT$ (ราคากันยายนปี 2017 : เดินผ่านร้านดูดีมีชาติตระกูลหน่อยก็ซื้อ แต่จำชื่อร้านได้ไหม ก็ไม่ ><)
ส่วนร้านที่เพื่อนชาวไต้หวันบอกว่าดัง
เป็นร้าน Chia Te bakery (พิกัด) ที่ไทเป
เดินทาง : MRT สถานี  Nanjing Sanmin (สายสีเขียว)
เว็บไซต์ : https://www.chiate88.com/

และร้าน tai-yangtang (พิกัด) ที่ไทจง
เว็บไซต์ : http://www.tai-yangtang.com/


3.) รองเท้า[/toggle][toggle title=”การเดินทางในไทจง (ง่ายมาก)”]การเดินทางที่ไทจง เรายังคงคอนเซปต์บัตร Easy Card ครอบจักรวาลอยู่เช่นเคย หรือใครสะดวกจะเหมาแท็กซี่เที่ยวก็ได้ แต่ค่าแท็กซี่แพงกว่าไทเปนิดหน่อย ส่วนเราขอพูดเรื่องรถประจำทางละกัน

จะรู้ได้ไงว่าสายไหนไปไหน ?
เราใช้ Google Map เป็นหลักเลย เพียงแค่ Search ที่ๆอยากไปทาง Google Map จะบอกสายรถเมล์ทั้งหมด ลงป้ายไหน นั่งผ่านกี่ป้าย ดูป้ายไฟบนรถเมล์ควบคู่ไปด้วยจะได้ไม่ผิดป้าย


ป้ายรถเมล์ที่นี่มันจะเป็นแค่ป้าย
มันจะไม่เหมือนบ้านเราที่แบบจะมีหลังคากันแดดกันฝน มันจะเป็นแค่ป้ายจริงๆ 55+ แต่แบบบางป้ายที่วิ่งแถวย่านทันสมัย วิ่งในถนนหลัก ผ่านมหาวิทยาลัยก็จะมีป้ายสวยงามจ้า


การคิดค่าโดยสาร ?
ฟรี 10 กิโลเมตรแรก !!! ดีงามมากนี่นั่งรถฟรีเที่ยวทั้งวันทั้งคืน แต่ต้องติ๊ดบัตร Easy Card เวลาขึ้นและลงด้วยนะเขาจะได้คิดเงินได้ถูก แต่ทั้ง 2 วันเราเสียค่ารถเมล์ไม่เกิน 20 NT$ ชอบเมืองนี้ตรงนี้

[/toggle]

 

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]แผนที่เที่ยวที่ดีที่สุด[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f0f763″]

 

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]เราไปไหนมาบ้าง[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f0f763″][section background_image=”http://www.sixaugust.com/wp-content/uploads/2017/10/DSC00405.jpg” text_color=”#FFFFFF” background_color=”#eeeeee”]คลิกที่นี่ : RAINBOW VILLAGE (หมู่บ้านสายรุ่ง) | หมู่บ้านเล็กๆ แต่สดใสซาบซ่า
คลิกที่นี่ : TAICHUNG CULTURAL AND CREATIVE INDUSTRIES PARK | ความคิดสร้างสรรค์เต็มไปหมด
คลิกที่นี่ : FOURTH BANK ICE CREAM & MIYAHARA | ไอศครีมต้องมนต์ เหมือนอยู่ในเมืองเวทมนต์
คลิกที่นี่ : FENG CHIA NIGHT MARKET (ตลาดกลางคืน) | กินกันล้มละลายที่นี่
คลิกที่นี่ : WUQI FISHERMAN’S WHARF | ท่าเรือน้อย แต่ของกินเยอะ
คลิกที่นี่ : LUCE MEMORIAL CHAPEL | โบสถ์ชิลๆพร้อมบรรยากาศวัยรุ่นในมหาลัย
คลิกที่นี่ : NATIONAL TAICHUNG THEATER | โรงละครแห่งชาติไทจง
คลิกที่นี่ : GAOMEI WESTLAND | ดินแดนห่างไกลในไทจง ที่น้อยคนจะไปถึง[/section]

 

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] งบที่ใช้สำหรับไต้หวัน 4 วัน 2 เมือง[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f0f763″]

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

1st Day – in – Taipei to Taichung

 หลังจากที่ขึ้น Express Train ข้ามเมืองมาแล้วใช้เวลา ชั่วโมงครึ่งได้ก็ถึงที่หมายแล้วสำหรับเมืองไทจง มันก็จะงงๆหน่อยเพราะการดำรงชีพจะแปลกไป เพราะเมืองไทเปไปไหนก็รถไฟใต้ดินทั้งหมด เราเริ่มที่เปิด Google Map ก่อนเลยว่าที่พักเราอยู่ไหน

ดีตรงที่ๆพักเราครั้งนี้ไม่ไกลจากสถานีมากนัก สามารถเดินไปถึงกับที่นี่ Trans In โรงแรมที่มีอาหารเช้าเป็น Mc Donald เราก็แวะเข้าไปฝากกระเป๋าก่อนนั้นแหละ แล้วเลือกชุดอาหารเช้า แล้วเดินออกเที่ยวต่อ เพราะยังไม่ถึงช่วงเวลาเช็คอิน


ความไม่ชินกับการเดินทางในวันแรกมากนัก ก็แอบนอยด์เล็กน้อย เรื่องความลำเข็ญของชีวิต 55+ แล้วที่เที่ยวแรกที่เราเลือกไปก็สุดแสนจะลำบากอย่าง หมู่บ้านสีรุ่งหมู่บ้านสีรุ่ง (Rainbow Village) คือเราเห็นรีวิว 90 % ของภาษาไทยก็จะเหมารถเที่ยว แต่เรามาคนเดียวเหมาไม่ได้แน่นอน ไปค่ะ Google Map จะนำพาเราไปสู่จักรวาลอันไกลโพ้น

คุณพระ !! นี่คือป้ายรถเมล์ที่ Google Map ให้ฉันมารอ คือเวลาที่ Google Map บอกเขาจะมีบอกเลยว่าสายอะไร กี่นาทีจะมา และคิดหลายเส้นทางให้เรา โดยส่วนใหญ่เราก็จะเลือกตามเส้นที่ใช้เวลาน้อยสุด แต่หารู้ไม่ … ความพีคก็เกิดขึ้นกับการเลือกอะไรแบบนี้

เมื่อเราเลือกเส้นทางแบบมีรถไฟ (Local train) มาลงจุดที่ใกล้ความเซอร์ไพรส์ก็มาถึงเมื่อลงรถไฟแล้ว เราต้องเดินไปป้ายรถเมล์ ที่ป้ายรถเมล์มันจะต้องเดินไปอีกกิโล ท่ามกลางทุ่งหญ้าสะวันนา นี่ก็พูดเวอร์ไป 55+ เป็นไปตามรูป เราเลยขอแนะนำว่าใช้เส้นทางที่มีรถประจำทางต่อๆกันดีกว่า อย่าไป Mix รถไฟ รถประจำทางเลยไม่งั้นจะเซอร์ไพรส์แบบเรา

แล้วเราก็มาถึง แต่หมุดที่ Google Map ปักไว้มันไม่ใช่ แต่มันเป็นอะไรที่อยู่แถวนี้แหละ เราก็เดินไปแล้วก็เดินมา ถามคนแถวนั้นแล้ว เขาตอบเป็นภาษาจีนกัน เราก็เดาไปเรื่อย เดินเลยไปเลยมาจนท้อ 55+ ก็เลยลองเลี้ยวเข้าซอยนี่แหละ โดยเลี้ยวเข้าไปเจอใครก็ถามอีกรอบ เขาก็บอกเดินเข้าไปอีกสุดท้ายเราก็เจอ (น้ำตาจะไหล)

ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้าน ย้ำอีกครั้งว่าเคยเป็นหมู่บ้าน พิกัดเลยผิดพลาดเพราะปัจจุบันเหลือเหมือนเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่มีบ้าน 5-10 หลังแล้วมีบริเวณ โดยพื้น กำแพง หลังคาทุกสิ่งอย่างจะถูกเพนท์ให้สวยงาม รัฐบาลที่นี่ก็สนับสนุนให้จุดนี้เป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เราว่ามันก็สวยดีนะ เพียงแต่ไกลไปนิดกว่าจะมาถึง

เดินเล่นค่ะ ถ่ายทุกซอกทุกมุมให้คุ้มค่าแล้วเดินทางกันต่อไปที่ Taichung Cultural and Creative industry park ชื่อยาวมาก แต่มันฮิปต์และฟรี เราเลยเลือกมาที่นี่ ขากลับดีหน่อยตรงที่สามารถนั่งรถเมล์จากข้างหน้าหมู่บ้านสีรุ่งแห่งนี้ได้เลย แล้วก็นั่งไปเรื่อยๆไปต่อรถเอา แต่รถมาช้าหน่อยเพราะมีสายที่ผ่านแค่สายเดียว

เราเริ่มมั่นใจแล้วว่าทำไมใครๆก็รีวิวให้เหมารถเที่ยว แต่เราตั้งใจจะเที่ยวให้ชำนาญ แล้ววันที่สองเราก็แฮปปี้กับการเที่ยวจริงๆ เพราะขึ้นรถเมล์เป็น อะไรก็ง่าย ที่สำคัญฟรีๆในระยะทาง 10 km. ถ้านั่งเกินนั้นก็คิดเงินนิดเดียว ค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางจึงประหยัดไปได้เยอะเลย กลับมาที่พิพิธภัณฑ์

วันที่เราไป ยังไม่ได้เป็นช่วงเทศกาลใดๆทั้งสิ้น ก็มีงานจัดแสดงปกติ จุดที่เราชอบเลยคือ ที่นี่มีร่มให้เพนต์ รับรองได้ว่าซื้อร่มที่นี่ มันจะเป็นอันเดียวในโลก ที่สำคัญน่ารักมาก ใครชอบอาร์ตควรแวะมาอย่างยิ่ง

ที่นี่ในอดีตเขาเป็นเหมือนพวกโรงเบียร์ โรงไวน์ แหล่งผลิตยาสูบ ตัวโครงสร้างเลยจะเปลือยๆ อาร์ตๆ มาถ่ายรูปกันได้สบายๆ บางอาคารต้องเสียเงินเข้า แต่ส่วนใหญ่ฟรี เราก็มานั่งพักผ่อนเย็นๆแถวนี้ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปย่านไอศครีมชื่อดังของที่นี่อย่าง Fourth bank Ice cream

 ถึงบางอ้อ ได้คำตอบแล้วว่าทำไมที่นี่เขาดัง คือเรามีเหตุผลส่วนตัวที่อยากเล่าเลย สิ่งแรกคือเป็นไอศครีมแฮนด์เมด ที่รสชาติหลากหลาย ชิมทุกรสก็จะโดนทุกรส เราเลือกรสมะม่วงตั้งแต่แรกที่ชิม เรื่องที่สอง คือทร็อปปิ้งที่นี่ดีงามมาก เราแนะนำให้ไปอ่านรายละเอียดที่เรารีวิวไว้ให้ รวมๆแล้วดีงามมากหมดไป 90 NT$

ตอนเดินออกมา เดินผ่านตู้ช็อคโกแลต เขามีให้เลือกเลยอยากได้ช็อคโกแลตกี่เปอร์เซนต์ ถือว่าพิเศษมาก จากนั้นเราก็เดินไปสังเกตการณ์อีกร้านอย่างร้าน Miyahara ที่คิวยาวมาก และราคาแรง แต่ก่อนไปถึงเราดันไปเจอร้านฮิตของวัยรุ่นที่นั้นคือร้านแฮมเบอร์เกอร์ไส้แปลกๆ เช่นไส้สปาเกตตี้ วัยรุ่นต่อแถวยาว

ความที่เป็นภาษาจีนเราก็ไม่รู้เรื่องมากนัก แต่กลับมาหาข้อมูลนั้นแหละสรุปชื่อร้านเบอร์เก้อร์ Bashibao จากนั้นเราก็ตั้งใจที่จะไปตลาดกลางคืนนั่นแหละ แต่แบบพิมพ์ผิดพิมพ์เป็น Feng zhia เท่านั่นแหละ ทำให้มาเจอย่านแปลก แต่สวยงาม อย่างคูเมืองสวยๆ

เราก็เดินเลียบคลองนี้ไปเรื่อยๆแหละ จนไปบังเอิญเจอร้านที่คนท้องถิ่นมากินเยอะ แบบคนนั่งกินเต็มแทบทุกโต๊ะ บางคนก็ยืนรอกันเยอะ เราเลยอยากลองบ้าง ความยากในการดำรงชีพที่นี่คือ เขาใช้ภาษาจีนกัน ซึ่งแน่นอนว่าเราจะกินอะไรก็ยาก เราเลยเห็นใครสั่งอะไรกันเยอะก็ชี้เอาบ้าง

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

แล้วราคาไม่แพงเลย คือให้เยอะ ราคา 30-45 NT$ได้ จากนั้นเราก็เดินหาต่อ ไหนตลาด ไหนตลาด !!! จนถึงจุดที่ Google Map บอกแต่มันคือโรงพยาบาล เลยเอะใจเปลี่ยนเป็น Search ด้วยคำว่า Feng Chia แทนเท่านั้นแหละ อืมมมมม ตรงนี้ผิดจริงด้วย 55+ เลยเดินกลับแล้วต่อบัสไปเรื่อย กว่าจะรู้เรื่องพระอาทิตย์ตกพอดี

จุดต่อรถไปตลาดรอนานใช้ได้แบบ 15 นาทีกว่าจะมาสักคัน ในที่สุดก็มาถึง Feng Chia Night Market คืนนี้เราจะเริงร่ากับที่นี่ แต่เรากินก๋วยเตี๋ยวเมื่อกี้มาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะมาเดินสำรวจ และ จะกินเฉพาะร้านที่แบบคนมุง ไม่มีในไทย อะไรแบบนี้ เพราะไม่มีเงินด้วยแหละ 55+

 เมื่อมาถึงเราจะเห็นซอย 2 ฝั่งเลยแนะนำให้เลือกเดินทั้ง 2 ฝั่ง เพราะไม่ได้ยาวมากนักถนนเส้นนี้ เดินเลือกเลยอยากกินอะไร แต่ของ 1 อย่างมักจะมีขายหลายร้าน ก็ลองเดินสำรวจราคา และ ความน่ากินดู อีกฝั่งจะเริ่มมีเสื้อผ้าขาย 150-199 NT$ แต่เดินเข้าไปข้างในก็มีของกินขาย

ส่วนร้านที่เราไปโดนมาก็เลือกมาแล้วแหละ เมนูแรกเป็นกุ้งที่เวียนว่ายกันในตู้สนนราคาที่ 60 NT$ อร่อยด้วยความสดย่างร้อนๆ โรยเกลือและปาปริก้า แซ่บเวอร์ และ อีกเมนูที่ไปโดนคือแพนเค้กที่ไม่เคยกินที่ไหน เห็นมีบัตรคิว ก็ทำให้อร่อยแบบไม่เสียดายเลย สนนราคาที่ 40 NT$

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

เวลาทุ่มกว่าๆ เดินกินจนอิ่มแล้วก็มุ่งหน้ากลับที่พักเลย สบายมากเพราะมีรถหลายสายผ่านแน่นอน ถือเป็นวันแรกแบบงงๆ ที่เมืองไทจง แต่รู้สึกว่าแค่วันเดียวก็คุ้มค่า ได้กิน ได้เห็น ได้เที่ยว หลายที่อยู่คุ้มค่าดี

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

2nd Day – in – Taichung

แล้วเราก็เดินทางมาถึงวันที่ 4 สำหรับไต้หวัน และวันที่ 2 สำหรับเมืองไทจง ตามจริงแล้วเราอยากจะนั่งรถไป Sun Moon Lake แต่ดูจากเงินที่เหลือแล้วมันพอที่จะไปเที่ยวนะ แต่กลับจากเที่ยวคงไม่สามารถดำรงชีพจนกลับไทยได้ 55+ เราก็วางแผนกันต่อวันนี้ ขอเริ่มด้วยอาหารเช้าฟรี Trans Inn ที่พักที่มี Mc Donald ออกมา

วันนี้เราก็เลือกที่จะไปที่ไกลๆ ไปยากคนไม่ค่อยไปอีกแล้วอย่าง Gaomei Westland ดินแดนกังหันลม ซึ่งรีวิวคนส่วนใหญ่จะเหมารถไปกัน แต่เรามีเวลาทั้งวัน นั่งไปเหอะรถเมล์ นั่งฟรี นั่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดต่อรถที่เป็นตลาดปลาของเมืองอย่าง Wuqi fishmarket

ที่นี่มีแบ่งโซน โซนตลาดแห้งก็จะขายเป็นร้านอาหาร ของกิน ซูชิ แซลม่อน ส่วนโซนตลาดสดจะเป็นตลาดขายส่ง ที่จะมีปลาแปลกๆมากมาย ปูตัวใหญ่ แต่สัตว์ทะเลที่นี่ตัวใหญ่จริง ของสดด้วย แต่ราคาไม่รู้เพราะเราก็อ่านไม่ออก 55+

แล้วเราก็มานั่งรถรถเพื่อไป Gaomei Wesland แต่รอนานใช้ได้เลยกว่ารถจะมา แล้วก็มาจริงเราก็ขึ้น แล้วเขาก็จอดป้ายนะ แต่เราไม่มั่นใจเพราะมันดูเปลี่ยวมากเลยไม่ลง สรุปว่ายาวเลยจ้า เลยเปิด Google Map เพื่อดูป้ายถัดไปแล้วกดกริ่งก็ไม่จอด คราวนี้ยาวเลยจ้า เราก็นั่งเพลิน 55+ นั่งอ้อมโลกไป

แล้วไปโผล่อีกที่มหาวิทยาลัย แห่งหนึ่งเราเลยหาที่เที่ยวบริเวณนั้นเลยได้ความว่าที่นี่มีโบสถ์สวยๆแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัย Luce Memorial Chapel บรรยากาศร่มรื่นทั้งมหาวิทยาลัย แถมมีสายน้ำไหลผ่านด้วย เอาไงเอากัน 55+ เดินเล่นแถวนี้รอดีกว่า

วันที่เราไปเขาไม่ได้เปิดให้เข้าชมใดๆ ก็มาเดินเก็บบรรยากาศชิลๆแทน แล้วก็มุ่งหน้าไปต่อที่ โรงละครแห่งเมืองไทจง (National Taichung Theater) คือที่นี่เราเห็นใน Google แล้วแบบเขาจะมีสวนลอยฟ้า น่านั่ง บรรยากาศดี นั่งฟรีแล้วใกล้แถวนี้นั่งรถไป 2-3 ป้ายก็เจอ เราก็จัดเลยจ้า

บรรยากาศบริเวณนี้จะมีความเป็น City สุดๆถ้าเทียบกับหลายย่านในไทจง แล้วทุกอย่างจะดูโมเดิร์น ตึกสวยงามอย่างกับ New York เราก็เดินชมงานอาร์ตเล็กๆ ร้านดอกไม้ ที่จิบกาแฟ ให้เราได้มานั่ง ที่นี่วัยรุ่นแบบมัธยมต้นเยอะดีนะ ฮิปต์ๆ มาชมการแสดงกัน

เรามัวแต่ตื่นเต้นกับสถาปัตยกรรมในนี้ และวิวรอบข้าง จนเราลืมเรื่องสวนลอยฟ้าไปเลย 55+ ประกอบกับความหิวแล้วด้วย เลยนำพาให้เราต้องหาที่ลงก่อน จังหวะนี้ก็บ่ายแล้วแดดร้อน ต้องหาที่นั่งสบายๆให้ได้

เลยอาศัยเดินข้ามถนนไป แล้วไปฝากมื้อนี้ที่ Family Mart เพราะเขามีที่นั่งยาวๆให้เราได้พักด้วย มื้อนี้เราใช้ Easy Pass ชำระแทนไส้กรอก 1 ไม้และนม ซึ่งนมบ้านเขาน้อยมากที่จะไม่ใส่ชา คือเรานอนไม่หลับได้ถ้ามีคาเฟอีน นี่ไงเชื่อยังว่านมธรรมดานั้นหายาก

ช่วงเวลานี้ก็ 16:00 ได้แล้วเรายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจสำหรับ Gaomei Westland ดินแดนกังหัน เราก็ตั้งใจไปอีกครั้ง โดยมีรถสายเดียวผ่านเท่านั้นถ้ามาจากโรงละครแห่งไทจงนั้นก็คือสาย 309 ที่จะไปสุดสายที่ตลาดปลา Wuqi ที่เราไปมาเมื่อเช้า นานทีจะมาสักคน แต่สิ่งที่เราคิดไปมากกว่านั้นคือเราจะกลับยังไง 55+

ในสภาวะเงินแบบนี้ เรากลัวจะโดนค่าแท็กซี่มหาศาลเวลาขากลับ เลยลองเช็คด้วย Uber จากจุดสุดท้ายของถนนหลัก เพราะถ้าราคาแพงไป เราก็คงจะออกมารอรถเร็ว รอบสุดท้ายของ 309 ประมาณ 17:00 แต่เราเห็นราคาแล้วคุ้มเลยยอมออกช้าขึ้น

สักพักประมาณครึ่งชั่วโมงได้ก็มาถึง คราวนี้ไม่พลาดเพราะป้ายรถชัดเจนมาก ไม่ได้เปลี่ยว และคนลงกันเยอะเราก็ลงตามๆกัน เดินตามๆกันเข้าไปเป็นกิโลเหมือนกันนะ แต่เดินได้สบายมาก เพราะวิวดีงามพระราม 9 มากจ้าอากาศดีเหมือน สถานตากอากาศบางปู

ระหว่างทางที่เดินไปจะมีจุดชมวิวให้ชมก่อนที่จะถึงป่าชายเลน แต่มันจะใกล้กังหันมาก อาจจะถ่ายรูปไม่สวยมากนักเลยต้องเข้าไปข้างในอีก เราก็เดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ จะเห็นร้านค้า บ้านคน ร้านอาหารแนวชนบท ไม่วุ่นวาย รวมทั้งศาลเจ้าสวยๆด้วย

จังหวะนี้เราก็นั่งรอเวลาเท่านั้นแหละ มันก็จะชิลๆ นั่งดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา ผู้สูงอายุก็เดินกันเก่งมาก มาเดินกันที่นี่ น้องหมาก็มาเดินเล่นกัน เป็นบรรยากาศที่ดี แต่เราก็สังเกตจริงๆนะ ว่าที่นี่มีแต่คนเหมารถแท็กซี่มา เพราะมีแท็กซี่มาจอดรอเต็มเลย

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

คือเราก็นั่งรถจนตะวันลับขอบฟ้า เพราะก่อนนั้น เราเดินไปอ่านป้ายมาว่า จะมีรถประจำทางผ่านมาเวลา 18:00 อีกคัน โดยเราก็ยืนชมวิวตรงป้ายรถประจำทางนั่นแหละ คือถ้าผ่านมาจะได้วิ่งขึ้นรถเลย แต่แล้วเวลาก็ผ่านไป 5-10 นาทีได้รถก็ไม่มา เรานี่รีบติดต่อเพื่อนที่อยู่ไต้หวันหยิกๆเลย

สุดท้ายแล้วเห็นเลยเวลา 15 นาทีแล้วเราเลยยอมโบกแท็กซี่เอา โดยที่โบกหมดคันไหนขับผ่าน ว่างไม่ว่างดูยังไงไม่รู้ 55+ แล้วก็มีคันว่างเดินผ่านมา บริเวณนี้ไม่มี Uber สักคันแน่นอนเลยว่าคุณต้องพึ่งพาแท็กซี่ เราเลยบอกเขาว่าไปบริเวณที่เราได้ capture ไว้ก่อนจะเข้าเขตห่างไกลถนนหลักโดนไป 300 NT$ เขาลดให้ด้วย 55+

แล้วเราก็นั่งรถประจำทางมาถึงย่านที่พัก ที่คึกคักกันทุกคืนเพราะที่นี่ก็เป็น Street food ขนาดย่อมเลยแหละ เหมือนเยาวราชบ้านเรา แต่สิ่งที่หน้าเศร้าคือเราดันเอาเงินไปซื้อของฝากหมดแล้ว 55+ คิดดูดิเงินก็เอามาไม่มากดันโดนค่าแท็กซี่ไป แล้วยังจะซื้อของฝากอีกเลยไม่มีเงินสดติดตัวสักบาทจ้า

ไปค่ะเดินเข้า Family Mart ค่ะกินนมกินขนมก็นอนซะ โถ่วชีวิตแบบ Survival มันเป็นแบบนี้นี่เอง ของกินเต็มเลย ความพีคในพีคมันมีมากกว่านั้นอีกตรงที่ เราเข้าใจผิดว่ารถไฟความเร็วสูงที่เราจะขึ้นมันคือสถานีเดียวกับที่เรามาถึง เราก็มั่นใจว่าเราไม่มีเงินก็เดินไปได้ พรุ่งนี้ออกเช้ามากไม่มีรถบัสหรอกต้องแท็กซี่เท่านั้น แล้วเตรียมเงินไว้ประมาณ 400 NT$ นะ T T

พนักงานโรงแรมก็บอกประมาณนี้เราเลยบอกว่าเนี่ยตอนนี้เรา No cash เลยนะ 55+ พรุ่งนี้เรียกแท็กซี่ที่มีบัตรรูดให้ที หรือไม่ก็เดียวถ้ามี Uber เราจะเรียกเองนะ 55+ เป็นอันว่า 2,800 บาทมันจะพอเมื่อเราไม่ซื้อของฝากและไม่โดนค่าแท็กซี่่ เพราะรวมแล้วโดนไป 600 NT$ เลยนะแค่ 2 อย่าง รีบนอนรีบตื่นรีบกลับไทย !!!!

ความกลุ้มใจสองต่อคือ นึกว่าหิวข้าวตาลาย ห้องสั่นไปหมด กระจกในห้องน้ำก็สั่นเสียงดัง นี่ผีหลอกหรือหิวข้าว !!!! ที่ไหนได้แผ่นดินไหวจ้า ไหวแรงประมาณ ครึ่งนาทีได้ 55+ แทนที่จะข่มตานอนได้ กลายเป็นกลัวตายซะอย่างงั้น เราสัญญาว่ามาครั้งหน้าจะละลายทรัพย์ให้มากกว่า 2800 บาท !!!

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

5th Day – Say good bye Taiwan

เวลาประมาณตี 5 ครึ่งได้เราก็เปิดแอพ Uber แล้วก็มีรถจริงๆ รู้สึกโล่งใจมาก 55+ พนักงานโรงแรมก็มาคุยกับ Uber ให้ไปส่งเราที่ไหน ขอบคุณการดูแลดีๆที่เป็นธุระให้เราทุกเรื่องสำหรับ Trans Inn ดูแลกันตั้งแต่มาวินาทีแรก จนวินาทีสุดท้าย 55+

แล้วรถก็มาถึงก่อนสถานีรถไฟเปิด 55+ เขาเปิด 06:00 นะ ส่วนเรื่องแลกตั๋วเราแลกมาตั้งแต่ไทเปแล้ว เดินผ่านแถว Taipei Main station บ่อยๆ โดยการขึ้นรถไฟความเร็วสูง (THSR) ที่นี่จะง่ายมากเพราะเขามีบอกชัดเจนเลยว่าถ้าเรานั่งตู้ไหนก็ขึ้นบรรไดเลื่อนตรงนั้น

เห็นเลขชัดเจนมาก แล้วสิ่งที่ต้องรู้อีกเรื่องคือ เราจะวิ่งขึ้นเหนือหรือใต้กันแน่ อย่างเคสเราวิ่งจาก Taichung เพื่อไปสนามบิน Taoyuan เราก็ต้องวิ่งขึ้นเหนือเราก็ไปรอฝั่งนั้น North แต่ไม่แน่ใจก็ถามเหอะคนที่นี่เขาใจดี 55+

ความดีงามของรถไฟความเร็วสูงคือ มีเชื่อมต่อกับรถไฟเข้าสนามบินที่นั่งแค่ 3 สถานีก็ถึงรอดตายอย่างสมบูรณ์แบบแล้วสำหรับทริปนี้หิวข้าวมาก ดีนะสั่งอาหารไว้ด้วยพี่ Nok Scoot Boing 777 เครื่องใหญ่จะพาเรากลับบ้านกัน แล้วเจอกันทริปหน้าจ้า

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

Exit mobile version