เที่ยวกัวลาลัมเปอร์
เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ – มาเลย์ มาเลย์ เพลงพี่เป้ เสรอก็ดังเข้ามาในหัว เพราะอะไรถึงเลือกมาที่นี่ ง่ายๆเลย เจอตั๋วโปรบินไปกลับ พร้อมที่พัก 3 คืนราคา 2,400 บาท ! จองอย่างไวไม่ต้องคิดมาก
ทริปตั๋วบินพร้อมที่พักโปรๆ 2,400 บาท 4 วัน 3 คืน จาก AirAsiaGo
ส่วนจะไปไหนก็ค่อยคิดกัน สุดท้ายเราก็อยากไป 3 เมืองอย่าง กัวลาลัมเปอร์ อุทยานแห่งชาติทามันเนการา และ อิโปร์ แหล่งกินตัวแตก ไปค่ะพี่สุชาติหนูพร้อมแล้วไปเที่ยวกัน ตามฉันมา 6 August Journey จะพาตะลุยเที่ยวกัวลาลัมเปอร์
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f7ff8a”]งบที่ใช้สำหรับที่นี่
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f7ff8a”]เตรียมอะไรบ้าง
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] จองรถขับในมาเลย์ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องมีใบขับขี่สากล คลิกที่นี่
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] การคมนาคมข้ามเมืองไปอิโปร์ ด้วยรถบัส และ รถไฟ
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] สิ่งที่ห้ามลืมคือ ที่นี่ใช่ปลั๊กไฟต่างจากบ้านเรา อย่าลืมเตรียมตัวแปลงไป
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] แลกเงินมาเลย์ไปเลย แนะนำ Superrich เพราะถูกกว่าชาวบ้านเลย
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] การเดินทางไป อุทยานแห่งชาติทามันนาการา คลิกที่นี่
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#f7ff8a”]ไปไหนมาบ้าง
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
1st Day : การเดินทางเริ่ม !!!
เราเริ่มเดินทางกันด้วยสายการบินหางแดง ที่ไม่ใช่ของเมืองไทยแต่ลูกเรือทั้งหมดเป็นชาวมาเลย์ทั้งหมด ขอบอกเลยว่าตอนขึ้นมาได้ระดับนึง ใจเริ่มหวิวเพราะเหมือนเครื่องจะตกท้องนี่เสี่ยววูบ โอ้ย ตกใจตั้งแต่ต้นทริป ไม่นานนักเราก็มาถึงที่นี่
ความแปลกของที่นี่คือ ยังไม่ทันตรวจคนเข้าเมืองเลย ก็มีเคาเตอร์ขายซิมส์ ขายเรียงรายกันก่อนเลย ด้วยความที่การสื่อสารที่นี่ค่อนข้างเจริญ แทบไม่ต้องคิดมากว่าจะยี่ห้ออะไร ดูอย่างเดียวว่าเรามากี่วัน แล้วโปรค่ายไหนให้เราดีกว่ากัน เพราะบางโปร จำนวนวัน ถูกแพงมันต่างกัน
เราได้ซิมส์ใหม่มาพร้อมโปรราคา 200 บาทจากค่าย HOTLINK ความดีงามของค่ายนี้คือ นางจะมี Aplication ให้เราได้โหลดแล้วจะแถมเน็ตฟรีอีก 1 GB โดยที่ Aplication นี้มีไว้บอกเลยวันนี้คุณใช้เน็ตไปเท่าไร เหลือเท่าไร เติมเงินผ่านบัตรเครดิตได้ด้วยนะเออ ถือว่าเราประทับใจ ตามนั้น
ความพีคของการเข้าประเทศนี้คือ คนเป็นล้านค่ะคุณ แถวยาวอย่างกับงูขดไปขดมา อาจเป็นเพราะที่นี่เป็น Hub ต่อเครื่องของหลายสายการบิน เราจึงต้องหูไวตาไว สิ่งที่อยากแนะนำมีอยู่ว่า แถวเขาจะเขียนไว้ว่าเป็น foreigner Passport และ Asean เราก็มุ่งไปที่ Asean แน่นอนว่าแถวจะสั้นกว่า
เราใช้เวลากันที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่าได้ !! สถานที่ท่องเที่ยวของเราเลยหายไป 1 ที่ทันที่ ดังนั้นอย่าลืมเผื่อเวลาในสนามบินไว้ด้วย สเต็ปถัดไป หาทางเข้าเมือง เราอ่านมาเยอะมากมี Express Train ที่ราคาแรงใช้ได้เลย เราเลยมาลงท้ายด้วย Bus ที่มุ่งตรงศูนย์กลางของกัวลาลัมเปอร์เลยสนนราคาที่ 12 ริงกิต (96 บาท)
[col2 ]
ในเวลา 1 ชั่วโมงเต็มได้ เราก็มาถึงสถานี KL Sentral โดยที่นี่เปรียบเหมือนเป็นศูนย์กลางการเดินทางของเมืองนี้ มีรถไฟหลายสายวิ่งผ่าน ทำให้เราสามารถไปได้ทั่วเมืองจากจุดนี้ โดยเรามุ่งหน้าไปเก็บของที่พักของเราก่อน เราไม่มีแผนที่เมืองติดมือ และ ไม่มีแผนที่รถไฟเช่นกัน แต่สิ่งที่เราใช้คือ Google Map เจ้าเดิม
ความที่ Google Map มักจะช่วยเราเรื่อง ระยะทางไหน ประหยัดเวลากว่ากันทำให้เราต้องเดินไปขึ้นรถไฟอีกสาย ตื่นเต้นเชียว เดินท่ามกลางเมืองที่ไม่คุ้นเคยในชั่วโมงแรก ตลกตัวเองบ้านเมืองที่นี่มีสถาปัตยกรรมหลากหลายผสมกัน ออกแนวตะวันตก จีน ฮินดู แขก ปะปนกันไปเป็นย่านๆ
แล้วเราก็เดินมาถึงสถานีรถไฟ หลายคนสงสัยว่าต้องซื้อบัตรอะไรไหมเพื่อความสะดวก ? เราขอบอกไว้เลยว่ามันจะมีบัตร Touch’n Go ซึ่งมันมีหลายเหตุผลว่าทำไมต้องซื้อ และ ทำไมไม่ต้องซื้อ ประเด็นเลยค่าบัตรเปล่ามัน 10 ริงกิต หรือ 80 บาทไทยซึ่งเราว่ามันแพง ถ้าเทียบกับการมาเที่ยวไม่กี่วันเราว่ามันก็ไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ แต่มีประเด็นที่อยากเล่าว่าทำไมเราซื้อ คือทริปนี้เราจะขับรถเที่ยวด้วย 1 วันเต็มเลยต้องซื้อ
มาเรื่องการขึ้นรถไฟใน Google Map จะมีบอกสีไว้ว่าจะขึ้นสายไหน สีอะไรเราก็แค่ซื้อเหรียญเหมือน MRT บ้านเราเอาไว้ติกส์ตอนเข้า และ หยอดตอนออกจากสถานี ราคาค่าโดยสารตกแล้ว 8 บาท – 20 บาทไทย ในสถานีเล็กๆจะมีบอกชานชาลา (Platform) บอกว่าตรงนี้ไปที่ไหน และ สายไหนผ่าน ดูแค่นี้เราก็จะขึ้นรถไฟถูกแล้ว แต่กันพลาดอีกคือลองขึ้นไปแล้วดูว่ามันผ่านสถานีที่เราจะไปจริงๆ ถ้าไม่…ก็รีบลงมา 55+
ความไม่สะดวกของที่นี่อีกเรื่องคือ เขามีรถไฟหลายสายจริง แต่ก็มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่รถไฟเข้าไม่ถึง ต้องเดินไกลหน่อยกว่าจะเจอ รวมทั้งที่พักเราด้วยเดินเป็นกิโลกว่าจะถึง 55+ นี่อาจเป็นที่มาว่าทำไม ตั๋วบินและที่พัก 3 คืนจึงมีราคาแค่ 2,400 บาทไทย แต่ไม่เป็นไร ขอให้นอนได้ปลอดภัยเป็นพอ เราเลยต้องใช้บริการ Uber Malaysia
ทริปนี้ไปกัน 3 คนหารกันสบายๆ แล้วเราก็มาถึงที่พัก มันนอนได้สบายๆ แอร์เย็นสบายๆ มีน้ำอุ่นให้อาบ มีไดร์เป่าผม มีผ้าเช็ดตัว แต่ติดอยู่เรื่องเดียว กลิ่นบุหรี่ที่นี่แรงมาก อาจเป็นเพราะย่านนี้คนสูบกันหนักมาก แล้วมันก็มีกลิ่นแรงจนเราแทบจะเป็นบ้า ถือว่าไม่ Happy กันเลยแหละ เวลากลับที่พักจากนั้นก็เดินสำรวจที่พักหาของกินก่อน
อาหารมื้อแรกที่มากินที่นี่ เป็นอะไรที่แบบว่าสั่งไม่ได้เลย เพราะภาษาเป็นภาษาเขา ทำได้เพียงแค่ถาม Chicken ไหม Fish ไหม จะถามว่าหมูไหมก็รู้ๆกันว่าเขาเป็นเมืองมุสลิม แต่สิ่งที่อยากแนะนำให้สั่งคือ ไมโล เพราะไมโลที่นี่ชงได้อร่อยเหมือนรถโรงเรียนตอนเราเด็กๆ บ่งบอกอายุมาก 55+ อร่อยทุกร้านบอกเลย
กองทัพเดินด้วยท้อง ตอนนี้ท้องเต็มแล้ว และเวลาก็ 4 โมงเย็นแล้วไปไหนไม่ได้แล้วนอกจากมุ่งหน้าไปที่ KLCC Park เพื่อรอชมความงามของตึกแฝด มันไม่ได้สูงมากมายเพียงแต่มันมีรูปร่างแปลกที่ทำให้คนทุกคนจำได้ ว่าตึกแบบนี้ต้องที่มาเลเซียเท่านั้น เราก็นั่งรถไฟกันไป โดยมุ่งหวังว่าจะเจอสถานีที่ใกล้แถวนั้น แต่ความเป็นจริงก็ต้องใช้บริการ Uber เพื่อเข้าไปอีกที ><
ย่านนี้เป็นย่านที่รถติดมากที่สุดในมาเลเซีย เพราะเป็นย่าน Shopping และยังมีแลนด์มาร์คอย่างตึกแฝดด้วย อาจต้องรอรถนานหน่อย แล้วเราก็มาถึงตึกแฝด จากที่เราอ่านรีวิวคนอื่นมาเราต้องเดินไปใน KLCC Park เพราะที่นี่มีการแสดงน้ำพุช่วงกลางคืน โดยวิวข้างหลังจะเป็นตึกแฝด เน้นหนักมากว่าต้องเป็นมุมนี้เท่านั้น ความงงของที่นี่คือ 1 ทุ่มแล้วฟ้ายังสว่างจ้าอยู่เลย 55+
การแสดงน้ำพุที่ว่ามันมีเป็นชุดๆ เรานั่งดูเพลินๆจนจบสวยงามจริงๆ ที่สำคัญฟรี ! คือมันอาจจะไม่ได้สวยงามมีเลเซอร์เหมือนที่สิงคโปร์ ไม่มี Story แต่มันก็ทำให้เราผ่อนคลายได้ไม่น้อยเพราะในสวนแห่งนี้อากาศเย็นสบายใช้ได้เลย และการมา Shopping ที่นี่เราจะได้ของราคาถูกกว่าบ้านเรา เพราะค่าเงิน และ ยกเว้นภาษีท่องเที่ยว
เราข้ามถนนไปซื้อของพวก H&M และ Uniqlo แล้วก็มุ่งหน้าไปที่เช่ารถ เราติดต่อเช่ารถไว้ในราคาวันล่ะ 1,200 บาทไทยได้เพราะพรุ่งนี้เราตั้งใจจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติของมาเลเซีย ที่มีป่าดิบชื้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่มีรถเราอาจต้องค้างที่นั้น แต่เวลาจำกัดเราเลยเน้นขับไปกลับวันเดียวแทน
เช่ารถที่นี่ยากไหม ? ขอบอกเลยว่าไม่ยากเพียงแค่เราต้องมีใบขับขี่ที่มีภาษาอังกฤษ ซึ่งบ้านเรามีภาษาอังกฤษอยู่แล้วเลยไม่ต้องไปสอบใบขับขี่สากลให้เสียเวลา การขับเหมือนประเทศเราพวงมาลัยขวา ขับรถชิดซ้าย ทุกอย่างโอเคไหนๆก็มีรถแล้วไปตะเวนกินที่ China Town บ้านเขากันเราเป็นโรคชนิดหนึ่งเวลาไปประเทศไหนไม่เคยพลาด China Town สักที่ยกเว้นญี่ปุ่น 55+
ที่จอดรถที่นี่ก็มี เสียเงินเล็กๆน้อยๆ เพื่อความสบายใจ แล้วเราก็ไม่ผิดหวัง 55+ ของกินโคตรฟิน คือของกินเล่นไม้ล่ะ 8-15 บาทไทยได้ที่เราติดใจจริงจังคือ บาร์บีคิว ที่เขาเอาเอวี่ตริงจิงเกอเบลมาทำเป็นของปิ้งย่างได้ เลือกๆแล้วก็ปิ้งย่าง ระหว่างนั้นเราก็หาของกินที่คนส่วนใหญ่แนะนำว่ามาที่นี่ต้องกินอะไรใน TripAdvisor ฟินๆ
มีคนบอกว่าที่นี่เป็นต้นตำรับของ หมี่ฮกเกี้ยน เราบอกเลยว่าอร่อยกว่าที่ภูเก็ตอีก อาหารออกแนวจีนแท้ๆนี่แหละ ราคา 50-60 บาท ออกแนว Street Food อร่อยลืม แต่ที่เราอยากเน้นก็ตามที่บอก บาร์บีคิว ที่ทำให้ค่ำคืนนี้เราฟินมากๆ ถือว่าเป็นของปลอบใจในวันเฟลๆวันแรกของความล่าช้าในทุกเรื่องของทริปจ้า
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
2 nd Day : อุทยานแห่งชาติทามันเนการา (Taman Negara)
3 rd Day : อิโปร์ (Ipoh)
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
4 th Day : กัวลาลัมเปอร์ก่อนกลับไทย
วันนี้รับเลยว่า ขออยู่แบบ Slow life สบายๆตื่นสายๆ เก็บกระเป๋ามาหาอะไรกินแล้วค่อยไปเที่ยวกันต่อก่อนที่จะกลับไทย โดยที่นี่ดีตรงที่มีตู้ล็อคเกอร์บริการให้เราได้ฝากกระเป๋า เราจะได้เที่ยวกันสบายๆ เราเลยมุ่งหน้าไปที่ KL Sentral เพราะที่นี่มีตู้ล็อคเกอร์ให้ใช้บริการหลายจุดลองถามเจ้าหน้าที่ และ ยามก็ได้
รถไฟที่เราใช้บริการเพื่อมุ่งหน้าไปที่ KL Sentral มีแบบ Lady train ด้วยสีชมพู ตู้นี้มีแค่ผู้หญิงแต่แอบงงว่ามีผู้ชาย 2 คนหลุดรอดเข้ามาได้ไง 55+ เอาแหละไม่นานนักก็ถึง ถือเป็นการวางแผนที่แนบเนียนมากที่เลือกฝากกระเป๋าที่นี่ เพราะที่นี่เองมีรถบัสเข้าสนามบินเจ้าเดิมด้วย
ฝากกระเป๋าแล้วเรามุ่งหน้าไปที่มัสยิด เนการ้า (Masjid Negara) คือตามจริงมีที่อยากไปหลายที่มากไม่ว่าจะเป็น KL Tower, KLCC สวนนก รวมทั้ง Aquarium แต่ราคาแรงมากแต่ล่ะที่ 50 ริงกิต หรือ 400 บาทขั้นต่ำ สวนนกจะคล้ายสวนนงนุชไหม KL Tower ก็มีแค่วิวเมืองเฉยๆแพงจัง ส่วนโลกใต้น้ำลำพังแค่สยามพารากอนเรายังไม่เข้า 55+ เลยลงเอยที่นี่แทน
สิ่งที่เราทำได้ที่นี่คือการเดินเยี่ยมชม มัสยิด ซึ่งมีความสงม สวยงาม และ อลังกาลมาก สิ่งที่สาวๆหลายคนจะชอบ คือการได้แต่งตัวเป็นสาวมัสลิม เพราะการจะขึ้นไปข้างบนต้องมิดชิด ปิดผมให้เรียบร้อย ถึงจะขึ้นไปได้ ทำให้เราได้อารมณ์ของการมาเมืองมุสลิมไปอีกแบบเนอะ
ทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ไป Shopping กันต่อที่ Bukit Bintang ครั้งนี้ใช้บริการ Uber เช่นเคยแต่ Uber บอกว่าที่นี่มันออกแนว High-end เลยเปรียบเหมือนพารากอนบ้านเรา เราเลยให้เขาพาไปที่ถูกลงเลยมาลงท้ายที่ Time Square ได้อารมณ์แพลตตินัมบ้านเรา เสื้อผ้าราคา 200 บาทแล้วเราก็รีบกลับมาที่ KL Sentral เพื่อให้ทันรถโดยเผื่อเวลาไว้ 1 ชั่วโมงครึ่งในการเดินทางไป ถือว่าเป็นการจบทริปอย่างสมบูรณ์จ้า