ย่างกุ้ง พม่ารีวิว 1 วันที่มันมีอะไรมากกว่าที่คิด

May 7, 2016
834 views
32 mins read

ย่างกุ้ง พม่า – ทริปนี้เป็นทริปทรหดอดทน เพราะไปตั้ง 4 เมือง (มัณฑะเลย์, พุกาม, อินเล, ย่างกุ้ง) พม่า 5 วัน 4 เมือง กับเงิน 5,000 บาท รีวิวนี้ถือเป็นวันที่ 5 ของการเดินทางค่ะซิสสส เพราะเรากำลังจะส่งท้ายทริปนี้กันที่ ย่างกุ้ง ตามเรามา 6 August Journey จะพาไปเดินเล่นที่ย่างกุ้ง 1 วัน

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] คู่มือเตรียมตัวเที่ยว


 บัตรแอร์เอเซียอยู่อย่างราชาจริงๆ : คลิกที่นี่
 วางแผนเดินทางข้ามเมือง 4 เมืองที่อยากแนะนำ จองบัสล่วงหน้าสบายกว่าเยอะ : คลิกที่นี่
 วางแผนเดินทางในแต่ละเมือง งบเท่าไรดี เหมารถ หรือ โบกดี แล้วควรราคาเท่าไร: คลิกที่นี่

 สิ่งที่ต้องเตรียมไป เดียวจะหาว่าไม่บอก : คลิกที่นี่
 ที่พักทั้ง 3 คืนจาก Hotelcombined : คลิกที่นี่

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ไปไหนมาบ้าง อย่างละเอียด


 ถ้ำจำลองมหาปาสณคูหา คลิกที่นี่
 ทะเลสาปกันดอจี คลิกที่นี่
 เจดีย์โบตาทาวน์ คลิกที่นี่
 เจดีย์สุเหล่ คลิกที่นี่
 เจดีย์ชเวดากอง คลิกที่นี่

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

DAY 5 : เข้าสู่เมืองย่างกุ้ง

เมื่อคืนหลังจากที่ต้องรีบร้อนออกจาก อินเล เพื่อมาขึ้น Night Bus ให้ทันเรารู้สึกว่ารถบัสเมื่อคืนนั่งสบายมาก แต่ๆๆ ตื่นขึ้นมาก็ปวดคออยู่ดี แล้วก็มาลืมตาตื่นตอน 6 โมงเช้านี่แหละย่างกุ้ง

ที่นี่ดูวุ่นวายมากค่ะซิสสส เห็นย่างกุ้งสิ่งแรกเลยคือ ท่ารถบัสที่นี่ใหญ่มาก และ วุ่นวายมาก วุ่นวายกว่าหมอชิตบ้านเราอีก คิดถูกแล้วที่เริ่มเดินทางที่มัณฑะเลย์ แล้วมาตกท้ายที่นี่ ไม่หลงแน่ๆ

เดินลงรถบัสมาแน่นอนว่า เราเหมือนซุปตาร์มีแต่คนรุมล้อม แต่บอกเลยว่า ก่อนไปศึกษาแผนที่ดีๆ จะได้รู้ว่าค่ารถแพงไปไหมจากจุดนี้ไปจุดนี้ห่างกันกี่กิโล ก่อนเราไปก็ดูราคาแท็กซี่ 2000 – 3000 จ๊าดต่อเที่ยวเป็นราคาที่รับได้ อย่างว่าแหละคนขับแท็กซี่มีเป็นร้อยเขาแข่งขันกันอยู่แล้ว สบายใจได้

แล้วเราก็มาถึงที่พักกัน ที่พักคือดีงามมาก ดูใหม่ ราคาไม่แพง และที่เราชอบสุดๆคือ ของทุกอย่างครบ เวลาเป็นผู้หญิงแล้วต้องเดินทาง มีไดร์เป่าผมให้ใช้นี่มันฟินมากนะ ของีบแปบ ตื่นมาอีกทีก็ 9 โมงเช้าไปแล้วก็ลงมาหารถกัน ที่พักเรียกมาให้แล้วลองให้เขาคุยเรื่องจะเหมาทั้งวัน ราคาสูงใช้ได้แต่เวลาจำกัด 3 ชั่วโมง เราเลยไม่โอเคไปหาโบกตามทางดีกว่า

ที่แรกที่เริ่มมากันคือ ถ้ำจำลองมหาปาสณคูหา เราแค่อยากเห็นความเป็นถ้ำหินอ่อนเฉยๆ เราก็เลยวางแผนที่จะไป แต่พอไปแล้วเรารู้สึกเฉยๆมาก 55+ ข้างในมีความหรูหราระดับหนึ่งถ้าเทียบกับวัดที่อื่นในพม่า ที่นี่เป็นสถาบันทางพระพุทธศาสนาด้วย เป็นมหาลัยด้วยเลยค่อนข้่างเป็นทางการ

ด้วยความว่าที่นี่มันใหญ่ ถูกล้อมรั้วไว้เยอะใช้ได้กว่าจะออกสู่ถนนใหญ่ เราก็เดินกันออกมาโบกรถ ที่ๆจะไปถัดไปคือวัดพระใหญ่ที่ชื่อว่า ChaukHyatGyi บอกเลยแท็กซี่ผ่านมา 3 คันไม่รู้จักสักคน สุดท้ายเราก็เจอ นางก็พูดภาษาอังกฤษใหญ่เลย Big Buddha?

นี่เป็นอีกเรื่องที่บอกเลยว่า บางครั้งชื่อสถานที่เขาก็ไม่รู้จัก แต่ลองเอารูป หรือ เอกลักษณ์สถานที่มาเล่าเขาจะร้องอ้อเลยแหละ ก็จริงของเขาขนาดมีฝรั่งมาถามทางเราในกรุงเทพเรายังตอบไม่ได้เลย นี่เป็นอีกเรื่องราวที่ได้จากการเดินทาง แล้วเราก็มาถึงอย่างไม่ยากเย็น

เราบอกเลยว่า เราไม่รู้ที่มาที่ไปของการสร้างพระองค์นี้นะ แต่คือ ทรงพระเป๊ะมาก ตาก็บิ๊กอาย กรีดขอบตาสวยมาก ปากนี่แดงเขียนขอบปากด้วย คิ้วก็เปะเลยไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์ของการสร้างพระองค์นี้คืออะไร 55+

ก็เดินดู เดินพักร่มอยู่แถวนั้นสักพัก เพราะมีพัดลม 55+ เราก็มุ่งหน้าไปที่กันดอจี โดยเพื่อนเรามันก็บอกว่าลองนั่งรถเมล์กันไหม ซึมซับวิถีชีวิต แต่พอเราออกไปเห็นรถเมล์เท่านั้นแหละ นั่งแท็กซี่แบบเดิมเถอะ ><

แท็กซี่วนไปค่ะ อีกเรื่องหนึ่งที่อยากฝาก แท็กซี่หนุ่ม และ แท็กซี่ที่พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งมาก เขาจะเออๆออๆ เราก็สบายแหละ แต่ถ้าเจอใครที่แก่หน่อยบอกเลย ต่อยาก 55+เวลาต่อราคา 500 จ๊าด +- ไปจ้า

แต่ปกติแล้วจำขึ้นใจแท็กซี่ที่นี่ 2,000 อัพแล้วเราก็มาถึงกันดอจีโดยคนขับรถหนุ่มเลยแหละราคาไม่แรง รถใหม่สบายๆ เลยลองถามว่าสนใจเหมาทั้งวันใหม่ลองถามราคาทั้งวันแพง 55+ เลยเงียบ

ตอนแรกไม่เคยรู้หรอกว่า กันดอจี เป็นสถานที่โรแมนติคของคนที่นี่ มารู้ตอนเขียนรีวิวนี่แหละ 55+ แต่เห็นขวามือจากภาพบนไหม หนุ่มสาวสวีทใสๆ เชื่อแล้วว่าโรแมนติคแต่สำหรับเราที่นี่เฉยๆ เลยแวะกินข้าวในสวนกัน กลางคืนเป็นผับ กลางวันเป็นร้านอาหารกลางน้ำ

เดินไปเจอแท็กซี่จอดอยู่แถวนั้นพอดีเรามุ่งหน้าสู่ โบตาทาวน์ เราจำไม่ได้หรอกว่ามีอะไรแต่เขียนไว้ว่าต้องมาตกลงเจรจาราคาก็พร้อมกันไปมาถึงแบบงงๆ มองจากข้างนอกก็เจดีย์ แล้วมาเจอจ่ายค่าเข้าคนล่ะ 5 ดอลลาร์ไปอีกเลยเริ่มงง

จ่ายเงินถ่ายรูปเสร็จสรรพก็ถึงบางอ้อเมื่อกำลังจะเดินเข้าไป อ้อที่แท้ที่นี่ก็เป็นที่ๆมีทองเต็มไปหมด ใต้เจดีย์เป็นห้องวนๆไป แต่ห้องเป็นทองหมดเลยที่เขาว่ากันว่าเอาทองมาทำบ้าน

เราก็เพิ่งเห็นที่นี่ที่แรกแหละ มันสวยงามมากแต่ที่น่าทึ่งคือ คนไทยมาเยอะมีชื่อคนไทยมาบริจาคติดแอร์ที่นี่ 6 แสนบาทได้ แบงค์ไทยบริจาคตู้บริจาคเยอะมาก ในนี้อากาศเย็น เราเห็นคนพม่านั่งจับจองมุม จองที่นั่งทำนู่นทำนี้กันเราว่าเขาต้องมาตากแอร์แน่เลย 55+

พวกเราเลยเอาบ้าง หามุมนั่งตากแอร์ไหนๆก็เสียเงิน 5 ดอลลาร์แล้ว ขอเดินตากแอร์ให้หน่ำใจเหอะ แล้วก็ลองเดินออกไปดูข้างนอก จะเจอหลวงพ่อทันใจด้วยที่ต้องกระซิบขอ แล้วก็มุ่งหน้าไปเจดีย์สุเหล่ดีกว่า

ลืม ! เจดีย์สุเหล่ต้องเสียเงินเข้างั้นเรามาเดินถ่ายรูปแถวนั้นแทนดีกว่า เราเคยเห็นที่นี่ในรายการพี่ เรย์ แมคโดนัล เขามาขับตุ๊กๆวนไปวนมาที่นี่ที่นี่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ คล้ายอนุสาวรีย์บ้านเราแต่ที่เราชอบบริเวณนี้เพราะเราได้เห็นวิถีชีวิตพม่าจริงๆบริเวณนี้เราเริ่มเดินเล่นกัน

จุดเด่นของบริเวณนี้อีกอย่างคือ ตึกต่างๆจะเป็นสไตค์อังกฤษเพราะเขาเคยเป็นเมืองขึ้นมาก่อน ความงดงามของตึกเหล่านี้ชัดเจน และ คนพม่าก็อยู่กับวัฒนธรรมเหล่านี้ด้วยตึกแถวนี้สวยงาม

เราเดินเล่นแล้วยังรู้สึกเลยว่าเหมือนเราย้อนเวลาไปเดินเล่นช่วงนั้นหน้าตาคนที่นี่ก็ไม่เหมือนที่มัณฑะเลย์ และ อินเลมากนักจะออกแนวแขกๆมากกว่า พวกเราก็ร้อนเลยจะหาที่นั่งตากแอร์นั่งรอเวลากัน แต่ๆ! ไม่พบ

เราไล่เดินไปเรื่อยจนไปเจอร้านโทรศัพท์มือถือ Sumsung ร้านเขาเล็กๆเหมือนพวกร้านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือบ้านเราเปิดร้านขายเล็กๆแหละ แต่ประเด็นคือเขามีแอร์ ! เราก็เดินเข้าไปหึ้ย ! เราเจอ S7

ที่พม่าด้วยเราเลยหยิบมาเล่นกล้อง แต่ๆ!! สัญญาณกันขโมยดังทั่วร้านเราก็งงอะไรยังไง แต่ทุกคนในร้านมองเรา เราเลยเอาเสียบที่เดิมสัญญาณกันขโมยก็เลยเงียบ 55+ แกร !! ฉันอายงะพวกเราเลยรีบเดินออกจากร้านอย่างไว 55+

เรานึกขึ้นมาได้ว่าเรายังไม่ได้ส่งโปสการ์กลับไทย เราเลยต้องเดินหาไปรษณีย์ บังเอิญมากที่ตรงนี้มีศูนย์ไปรษณีย์ใหญ่ๆ โบราณอยู่เดินเข้าไปเลยจ้าเดินเข้าไปทำหน้างงก่อน ให้ทุกคนสนใจแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกไปถาม 55+มันเป็นแผน

เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะเข้าช่องไหน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถาม เราก็แค่บอกว่าจะส่งโปสการ์ดไปที่ไทย เขาก็บอกว่า 500 จ๊าดหรือ 15 บาทไทย

จนเวลานี้เราก็ยังหาร้านติดแอร์นั่งกันไม่ได้ และ ก็ไม่เห็นวี่แววที่จะมีด้วยพวกเราเลยยอมเดินและไปหาร้านข้างทางนั่งกิน แล้วก็มาเจอร้านน้ำข้างทางเห็นคนนั่งเยอะเลยลอง

ความโหดของร้านน้ำที่นี่คือ มันดูไม่ถูกสุขลักษณะเท่าไร เอาขันตักน้ำผลไม้งี้น้ำผลไม้ถูกผสมอยู่ในตู้ปลางี้ น้ำผลไม้เทใส่ถุงหิ้วงี้ ผมนี่อึ้งไปเลยงั้นนั่งกินที่ร้านดีกว่าเนอะ สบายใจ 55+

แล้วเขาก็จะมีขนมหวานขาวๆ มันๆขายมันคล้ายลอดช่องบ้านเราประมาณนั้นแหละ แล้วคือนั่งกินริมถนน หน้าปากซอยรถผ่านไปผ่านมา คือได้อารมณ์วิถีชาวบ้านมากหันมองเข้าไปในซอย ตึกมันเก่ามาก เขาอยู่กันได้ไง

มีแรงเดินต่อแล้ว เราก็ไม่มีที่จะไปแล้วเพิ่งจะ 4 โมงเย็นเองก็เที่ยวหมดแล้วเราเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปชเวดากองดีกว่า ไปนั่งแถวนั้นก็ยังดีแดดร้อนๆบ่าย 4 โมงเย็นนะ แล้วจะขึ้นไปชเวดากองนะพอไปถึงก็นั่งรอข้างล่างก่อนขืนขึ้นไปตอนนี้คือ เท้าพองแน่ๆ เลยนั่งรอข้างล่างกัน 55+ รอแล้วรออีกนั่งไปชั่วโมง

เอาวะ!! ขึ้นไปดีกว่าขึ้นไปเดินสำรวจก็ยังดี จ่ายเงินวางรองเท้าขึ้นลิฟต์ไปเลย พอขึ้นมาก็เห็นเจดีย์เนี่ยแหละ มันต่างจากเจดีย์อื่นตรงไหนกันประเด็นคือพื้นร้อนมาก เท้าชาเลย ต้องวิ่งหาที่ร่มๆด่วน

เรื่องนี้จริงจังก็ต้องนั่งรอเวลาแดดร่ม และ จนกว่าพื้นจะหายร้อนถึงมานั่งถ่ายรูปเล่นกันเพราะเราตั้งใจว่าจะอยู่ให้ถึงเวลา 1 ทุ่มเพราะช่วงนั้นจะสวยมาก

นั่งเมาส์มอยไปเรื่อย เราก็เห็นคนพม่าที่นี่ดี มาช่วยกันกวาดพื้นรอบเจดีย์กัน มาช่วยกันถู ช่วงเวลา 6 โมงเย็นคนก็เริ่มพลุกพล่าน พวกเราก็ถ่ายรูปรัวๆ ถ่ายรูปเป็นเวลาๆไป อยากรู้เฉยๆว่ามันสวยจริงๆหรอ ต่างกันจริงหรอ แล้วก็มีคนมาทักทาย และเล่าเรื่องเจดีย์นี้แต่เราไม่มั่นใจว่าเขาต้องการเงินไหม หรือเป็นไกด์ที่สถานที่นี้จัดเตรียมไว้

แล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง ช่วงเวลาที่ท้องฟ้ายังมืดไม่สนิท แต่เขาก็เปิดไฟแล้ว นี่แหละสิ่งที่เรารอ เรานี่รีบให้เพื่อนวิ่งไปวิ่งมาประกอบในภาพตามจริงไม่เห็นหน้าเพื่อนหรอก 55+ อยากได้ภาพแปลกๆปรับ speed Shutter ให้ต่ำเข้าไว้แสงไฟจะเป็นแฉก และ ผู้คนจะไม่เห็น เราลืมเอาขาตั้งกล้องมา !!!

ได้ภาพสมใจแล้วเราก็พร้อมจะลงมา เพื่อมุ่งหน้าไปกินกุ้งล็อบสเตอร์ที่ China Town พม่าก่อนจะลง ขอกดรูปมาสักอีกรูปเห็นได้ชัดเลยว่าช่วงที่มืดแล้วภาพที่ได้ก็สวยไม่เท่าภาพก่อนมืดถือว่าเป็นอีกเทคนิคที่อยากฝากไว้ แต่ตอนนี้หิวมากแล้วเจอแท็กซี่คันไหนไปได้ไปหมด

เราลงไปเจอแท็กซี่คันนึง เรียกเพื่อไป China Town เราขอราคา 3,000 จ๊าดนางก็ไม่ยอมจะเอา 3,500 ต่อรองกันอยู่นานเราก็คิดว่าแค่ 15 บาทเองไปเหอะหิว เพื่อนเราก็บ่นเสียงดัง แค่ 15 บาทแม่งยังจะเอา !!!

จุดพีคมันอยู่ตรงที่ขึ้นมานั่งแล้วเขาพูดภาษาไทยด้วยเนี่ยแหละ 55+ คือเรานินทาเขาๆรู้เรื่องหมดนะ เขามาทำงานเป็นแรงงานที่ไทยนานมากจนกลับมาซื้อรถแท็กซี่ขับสร้างอาชีพที่นี่ได้ สุดติ่งจริงๆ

ตอนแรกพวกเรากินข้าวร้านธรรมดา เพราะหาร้านอาหารปิ้งย่างแบบนี้ไม่เจอ แล้วก็เจอพี่คนไทยโต๊ะข้างๆ เขาแนะนำ มีคนไทยมาทำงานที่นี่เยอะนะแก๊งโตโยต้าที่มาเปิดที่นี่ ข้าราชการที่มาดูงานที่นี่เขาก็แนะนำว่ามีร้านตรงนี้ถูก

เราก็มานั่งกันมันก็ถูกจริงๆแหละ เราก็สั่ง ถ่ายรูป โพสต์รูปเสร็จสรรพ แต่ๆๆ พวกเขาลืมพวกเรารอสักพักเลยไปทวงเลยรู้ว่าลืม 55+ โมโหมากเลยไม่กินล่ะ ไม่เสียตังด้วย ส่งท้ายด้วยแผนการเดินทางครั้งนี้เราชอบนะ สนุกดี 🙂 เจอกันทริปหน้า กัมพูชา เวียดนาม

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้