พุกาม พม่ามาชมด้วยตาเปล่านี่มัน “สวรรค์บนดิน” ชัดๆ (รีวิว)

May 7, 2016
729 views
31 mins read

พุกาม พม่า – ทริปนี้เป็นทริปทรหดอดทนค่ะซิสสส ไปตั้ง 4 เมือง (มัณฑะเลย์, พุกาม, อินเลย่างกุ้ง) กับทริป พม่า 5 วัน 4 เมือง กับเงิน 5,000 บาท ธรรมชาติบนดินที่เหลืออยู่ รีวิวนี้ถือเป็นวันที่สองของการเดินทาง เพราะเรากำลังจะพาไปเที่ยว พุกาม ตามเรามา 6 August Journey จะพาไปเที่ยว พุกาม

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ไปไหนมาบ้าง และ งบเท่าไร?


[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] คู่มือเตรียมตัวเที่ยว


 จะมาชมบอลลูนที่พุกาม ต้องมาช่วงเดือน ตุลาคม ถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี

 ที่ Bagan จะแบ่งโซนเป็น Old Bagan จะเป็นพื้นที่ทะเลเจดีย์ และ New Bagan จะเป็นพื้นที่ตัวเมืองที่มีที่พัก ร้านอาหาร เป็นเมืองเล็กๆ 

 บัตรแอร์เอเซียอยู่อย่างราชาจริงๆ : คลิกที่นี
 วางแผนเดินทางข้ามเมือง 4 เมืองที่อยากแนะนำ จองบัสล่วงหน้าสบายกว่าเยอะ : คลิกที่นี่
 วางแผนเดินทางในแต่ละเมือง งบเท่าไรดี เหมารถ หรือ โบกดี แล้วควรราคาเท่าไร: คลิกที่นี่
 สิ่งที่ต้องเตรียมไป เดียวจะหาว่าไม่บอก : คลิกที่นี่
 ที่พักทั้ง 3 คืนจาก Hotelcombined : คลิกที่นี่
 รีวิวร้านอาหารที่กินในพุกาม : Black Rose & Great

[icon type=”fa-map-o” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] ไปไหนมาบ้าง อย่างละเอียด


 ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่พุกาม คลิกที่นี่
 เจดีย์ Pahto-Thamya คลิกที่นี่
 วิหารมนูหะ คลิกที่นี่
 ชเวกูจี คลิกที่นี่
 เจดีย์อนันดา คลิกที่นี่

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

DAY 2: เดินทางกันต่อที่พุกาม

ระหว่างทางที่นั่งรถจาก มัณฑะเลย์ มายังพุกาม ความลำบากเริ่มเข้าถึง เพราะนั่งรถยาวนานเหลือเกิน แล้วรถก็แบบคนเต็ม กลิ่นหมาก กลิ่นตัวเต็มไปหมด แยกไม่ออกแล้วว่าอะไร 55+ แล้วยิ่งเริ่มออกจากมัณฑะเลย์นะ ทุกอย่างจะกันดานไปหมด ถนนนี่ฝุ่นตลบ ทรายเต็มทาง

แล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลงค่ะซิสสส คิดว่าจะเป็นลมคารถแล้ว มาถึงแบบงงๆ ด้วยความที่บากัน หรือ พุกามแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวมานานทุกอย่างสะดวกแต่ทุกอย่างยังคงธรรมชาตินะ เดินลงรถข้ามเมืองมา มี 2 แถวรอแล้วราคาก็ปกติคนล่ะ 60 บาทจะพาไปส่งถึงที่ แต่คุ้มราคานะที่พักไกล

รถสองแถวมาส่งหน้าที่พัก ตกใจเล็กน้อยนอนได้จริงหรอ Mya Thida Hotel เดินเข้ามาตกใจกว่าได้ยินคำว่า Problem มาแต่ไกล เขาบอกเรา เขาลืมเตรียมห้องพักไว้ให้เรา เขาเลยเปิดห้องตอนนั้น แบกที่นอนเสริมมาตอนนั้น และ ขนผ้าเช็ดตัวมากองไว้ให้ตอนนั้นเลย คือ โมโหมาก เสียเงินแพงกว่าที่อื่นอีก แต่บริการแย่มาก ที่แย่กว่านั้นคือ ไฟดับค่ะซิสสส !!

สรุปว่าไฟดับเพราะจังหวะนั้นมีการซ่อมไฟบริเวณนั้นพอดี เราก็เลยอาศัยออกไปสำรวจพื้นที่ก่อนเลย ใจก็ลังเลเปิด App มือถือดูที่อื่น เผื่อนอนไม่ได้จะได้ยอมทิ้งเงินไปที่ใหม่ ที่นี่ดีเรื่องเดียวคือ ทำเล ที่ใกล้ของกิน แล้วเดินกลับมาไฟก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจออกมาหาข้าวเย็น และ เตรียมหารถ หรือ ทัวร์ก็ได้ที่พาเราไปชมพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้เช้า

แล้วเราก็ไปเดินหาข้าวเย็นกินกัน มี 3-4 ร้านได้เรียงรายรอเราอยู่ คติประจำใจในการเที่ยวของเราที่มีมาตั้งแต่ญี่ปุ่นคือร้านไหนคนเยอะ แปลว่าต้องอร่อย เดินเข้าไปเลยร้านที่เราเลือกกินในวันนี้คือ Black Rose หรือ ร้านกุหลาบดำ ร้านนี้ฝรั่งเต็ม เลยคิดว่าต้องอร่อยๆแน่ๆ ไม่เข้าใจว่าเอาความคิดนี้มาจากไหน 55+

ทำไงได้ก็กลับที่พักมานอนกันสิ ความสยองของที่พักที่ได้เล่าไปก็หลับสนิทได้เหมือนกันนะ เพราะเหนื่อยเดินทางมาทั้งวัน 55+ กินง่ายอยู่ง่ายมาก แล้วเราก็นอนเพราะต้องตื่นเช้ามากมาดูพระอาทิตย์ สรุปว่าครึ่งวันแรกไม่ได้ไปไหนออกแนวเตรียมเที่ยวพรุ่งนี้

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

DAY 3: เริ่มเที่ยวตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเริ่ม !!!

หลังจากเมื่อวานนัดคนรถมารับที่พัก เขาก็มาตรงเวลาจริงๆ มาเคาะประตู ตี 5 ครึ่ง แต่สามสาวยังไม่พร้อม ก็รีบกัน ไฟฉายพร้อม กล้องพร้อม ขาตั้งกล้องต้องพร้อม ขาตั้งกล้องสำคัญมาก เผื่อไว้ถ่าย Time-slap ตอนพระอาทิตย์ขึ้น พกเงินติดตัวไปนิดหน่อยจ้า หนทางมืดมากถ้าให้มาหากันเองคือหลงแน่ๆ ดีนะจ้างคนพามาไปชมพระอาทิตย์ขึ้น

แปบๆก็มาถึง Shwesandaw Pagoda เป็นอะไรที่มืดมาก เลยเปิดไฟฉายเพื่อส่องแล้วทำการปีนขึ้นไปกัน บันไดมีอยู่ทางเดียว เราก็เดินตามๆเขาไป ขึ้นไปได้นิดหน่อยอยู่ดีๆก็มีเสียง ตุ๊บ ตั๊บ ๆ เสียงฮือฮามาจากข้างบน ระหว่างที่ปีน เราก็กลัวจะมีอะไรเลยเอาไฟส่อง ที่ไหนได้ลูกหมาสีขาว น่าสงสารมากตัวเล็กสงสัยมันจะขึ้นไปนอนเมื่อคืน ตามแม่มัน 55+

เราก็เลยใจดี มือนึงถือไฟฉาย อีกมือนึงอุ้มหมาไว้เอามาส่งด้านล่าง เห็นว่ามันไม่กัด แล้วค่อยเอาทิชชู่เปียกเช็ดมือ จากนั้นแล้วก็ปีนเจดีย์กัน ขอบอกเลยว่าชันมาก แต่พอขึ้นไปถึงข้างบนแล้วมุมสวยๆ ก็ถูกชาวเกาหลี ญี่ปุ่น จับจองแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือแทรกตัว แต่ที่แน่ๆที่วางขาตั้งกล้องไม่มี ได้แต่ทำใจรอเวลา

สักพักไม่นานนัก มีฝรั่งที่มาสายกว่าก็คงอยากได้มุมดีก็เลยอาศัยความขายาวปีนขึ้นไปสูงกว่า ที่ๆไม่มีบันไดนั้นแหละ เราก็เลยตามๆกันไป สบายใจแหละ ได้มุมดีแบบไม่มีใครบังแต่บอกเลยว่า เจดีย์ค่อนข้างผุพัง ตามที่เขาประกาศปิดนั้นแหละคือตอนปีนก็ไม่รู้หรอกว่าอันตราย แต่ตอนฟ้าสว่างเห็นชัดๆ ถึงรู้ว่าอิฐมันผุจริงๆ

นั่งไปสักพักก็เริ่มเห็นพระอาทิตย์แรกแย้ม ช่วงระยะเวลานั้นเหมือนโดนมนต์สะกดเลย เพราะพระอาทิตย์ชมพูๆ ค่อยๆลอยขึ้นประมาณ 10 นาทีได้ถึงกับลอยขึ้นเร็วแล้วจ้า สวยงามสมคำร่ำลือแปลว่าถ้าคุณพลาดช่วงเวลา 10 นาทีนี้คือเหมือนมาไม่ถึง

แล้วเราก็กลับที่พักกัน กลับมาทานอาหารเช้าฟรีจากที่พัก ออกแนวขนมปัง ไข่ กล้วย ชา กินแบบงงแต่อยู่ท้องทั้งวัน อาบน้ำนั่งชิลกันสักพัก เราก็ออกมาหารถเพื่อเที่ยวรอบเมืองจังหวะที่หารถมอเตอร์ไซค์ดันเจอรถม้า 4 ชั่วโมง 25,000 หรือ 750 บาทไทยคือหาร 3 เป็นราคาที่รับได้ตกแล้วคนล่ะ 250 บาทว่างั้นเถอะแล้วได้เที่ยวทั่วถึงเราก็โอเค

คือราคารถม้าถ้าเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ และ จักรยานก็ถูกกว่าแหละ เพราะเราไม่ได้กะปั่นทั้งวันแน่ๆ เพราะร้อน อีกอย่างการขับที่นี่ก็แอบบงง เพราะปั่นผิดนี่คือเข้าป่าแน่ๆ 55+หนทางที่นี่เป็นแบบลูกรังเลยแหละ ป้ายบอกทางยังละเอียดไม่พอด้วย คือหลงแน่ๆถ้าปั่นจักรยานเล่นกันเอง สบายใจจังที่มีน้องม้าพาเดินทางที่แรกที่ไปคือ Lay-myet-hna Pagoda

สำหรับเรานะ เราชอบที่นี่ที่สุด เพราะสวย และ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่โค้งประตู แล้วพอเดินเข้าไปก็โปร่ง เหมือนโบสถ์คริสต์ และ มีลายจิตกรรมข้างใจมีคนขายภาพงานศิลปะตนเอง เดินตามเพื่อเป็นไกด์ให้เราด้วยแน่นอนว่างานนี้ต้องมีเสียเงินซื้อของแน่ๆ แต่เขาก็เป็นไกด์ที่ดีนะ

เสียตังกันไปก็บอกเขาตรงๆว่าเราไม่มีเงินเยอะ แต่เราอยากอุดหนุนสำหรับการพาเที่ยว เขาก็โอเคนะ หาภาพที่เล็กๆให้พวกเรา เราว่าคนพม่าเขาดีๆ เยอะแยะเลยนะ พูดจารู้เรื่องไม่หวังจะเอาเงินเปล่า เราใช้เวลาที่นี่กันนานเลยแหละ แล้วก็ออกมาเพื่อไปที่ถัดไป ประทับใจสวยงามตอนแรกนึกว่ามีแค่ทะเลเจดีย์

เขาก็พาเรามาต่อกันที่วัดพระอึดอัดนั้นเอง หรือ ชื่อเต็มๆคือ วันมนูหะ ทุกอย่างใหญ่หมด บาตรยักษ์ พระใหญ่ เลยเป็นที่มาที่ไปของ วัดอึดอัด นั้นเอง

มาที่นี่ไม่ได้โฟกัสเรื่องพระเราโฟกัสที่ซื้อทานาคา แล้ว เพนท์แขนฟรี ลายอะไรก็ได้ 55+เพราะพม่ามีแต่วัดค่ะซิสสส พวกเราก็เลยไม่อินแล้ว แต่ชอบนะเพนท์สวยดี

แล้วเราก็ไปต่อ จังหวะนี้พวกเราเริ่มเหนื่อย คือวัดไหนถ้าไม่เด็ดจริงไม่ลง มีเรื่องหนึ่งที่พวกเราหลอน คือการต้องถอดรองเท้าเข้าวัดเวลากลางวัน Take off your shoes หลอกหลอนทุกวัดจริงๆ เลยขอนั้งรถม้าผ่านพอ คนขับม้าก็งงว่าเป็นอะไร ก็บอกนางไป นางก็เป็นไกด์บนรถม้าแทนอะไรประมาณนั้น แล้วเราก็มาลงอีกที่อย่าง ชเวกูจี

ที่นี่ถ้าพูดถึงความงาม เขาว่ากันว่าสวยงามแบบฉบับพม่าเลยแหละ แต่ที่เซอร์ไพรส์คือการได้เจอไกด์ตัวเล็กเด็กชายชาวพม่า ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ เพื่อแลกกับเงินต่างชาติน้องเขาขอแบงค์ไทย แบงค์อะไรก็ได้ไม่เกี่ยง ในมือน้องมีแบงค์หลายชาติ สะสมแบงค์เป็นอีกเรื่องที่น่าทึ่งของคนพม่า

เขาอยากได้ของสะสม เขาอยากได้เงินก็ออกมาทำงานแลกเงินกัน ตั้งแต่ยังเล็ก รู้สึกประทับใจมาก แล้วเขาก็ได้ใช้ภาษาด้วย น้องเล่าว่าโรงเรียนที่พม่า ต้องมี 1 ชั่วโมงขั้นต่ำในการพูดภาษาอย่างจริงจังสำหรับทุกๆวัน

นอกจากนั้นแล้วเราก็อุดหนุดโปสการ์ดไปทั้งหมด มาวัดเดียวซึมซับความเป็นวิถีชีวิตพม่าไปเยอะเพื่อนเราก็กินน้ำมะพร้าวกันหวานหอม ถือว่าพักผ่อนได้สบายๆ ไม่ยาก แล้วก็ไปจบกันที่สุดท้ายอย่าง อนันดา

วัดสุดท้ายที่ค่อนข้างเจริญแล้ว มีของซื้อของขายเต็มไปหมด ข้างในอลังกาลงานสร้าง มีพระพุทธรูปเป็นมุมๆ แต่พวกเราก็ไม่ได้เข้าไปกราบไหว้หรอก ออกแนวมาเดินสำรวจมีอะไรน่าเล่นไหม 55+คือร้อนมากแล้ว

ที่นี่จึงเป็นที่สุดท้ายในการเดินเล่นแล้วเราก็มุ่งหน้ากลับที่พักกันโดยที่เก็บของแล้วฝากของไว้ที่ล็อบบี้ก่อน ประเด็นมาอยู่ว่าแล้วเวลาที่เหลือจะทำอย่างไรกว่ารถจะมารับอีกตั้ง 2 ทุ่ม

คือจะนั่งไปจนหมดวันก็คงไม่ใช่ เลยหาร้านอะไรก็ได้นั่งเล่นกัน ขอมีแอร์ด้วยนะมาลงเอยกันที่ร้าน Great มีพร้อมทุกอย่าง แอร์ ราคาอาหารไม่แพง 55+นั่งแช่วนไปจ้า เพราะมีปลั๊กให้

เสียบชาร์ตแบตด้วยที่เราชอบอีกเรื่องคือ เราว่าร้านอาหารที่พม่าเน้นตกแต่งไปทางภัตตาคารน่านั่ง น่าทาน และ ราคาไม่แรง เราชอบตรงนี้แหละ เราก็สั่งอาหารกินกันอย่างราชาอีกแล้ว

สั่งของกินก็แล้ว ของหวานก็แล้ว 55+ ก็นั่งตากแอร์ไปเรื่อย เราก็นึกขึ้นได้ว่าเราเคยเห็นมีคนรีวิวว่าที่พม่าเขามีร้านนวดดัง เราเลยถามเผื่อจะไปนวดขั้นเวลาเขาก็บอกว่ามีอยู่เมืองอะไรสักอย่างต้องนั่งข้ามเมืองเป็นโอกาสทองของร้านนวดถ้าจะมาเปิดในบากัน

เพราะใครหลายคนก็ชอบนวดกัน ไม่รู้จะทำอะไรแล้วก็เลยเดินกลับมาที่พักแต่ระหว่างทางนี่สิ เจอร้านสระผม สาวๆอย่างเราเลยแวะสระคั่นเวลาตกหัวละ 80 บาทไทยคุ้ม !! กว่าจะสระผมเสร็จก็เย็น

เลยกลับมาที่พักขออาบน้ำ แล้วก็นั่งรอรถตรงล็อบบี้นั้นแหละช่วงเวลาที่ดีของช่วงนี้คือ การได้เจอนักท่องเที่ยวคนอื่น ตอนนี้เราเจอคนญี่ปุ่น กับ คนเวียดนามก็คุยไปคุยมาในเรื่องต่างๆ คนส่วนใหญ่แล้วมาพม่าก็เที่ยว 4 เมืองแบบเราเป๊ะเลย ต่างกันตรงที่บางคนเที่ยวย่างกุ้งขึ้นไปมัณฑะเลย์ แต่เราเที่ยวตั้งแต่มัณฑะเลย์ค่อยลงมาย่างกุ้ง นั่งคุยไปคุยมารถก็มารับ ลาจากบากันแล้ว

การเดินทางถัดไปคือการไปต่อที่ อินเล เมืองแห่งทะเลสาป เราเดินทางไปด้วย Night bus ซึ่งจะไปถึงที่เมืองอีกเมืองประมาณตี 4 ได้ ไนซ์บัสพม่าสะดวกสบาย ผ้าห่มพร้อม หมอนพร้อม ของกินพร้อม

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้