เสียมเรียบ ทริปนี้เป็นทริปที่เราเชื่อว่าคนไทยน้อยคนจะทำกัน คนบ้าอะไรไป เที่ยวเวียดนาม แต่นั่งรถจากกัมพูชาไป !! อันนี้เรื่องจริง กับทริปบ้าบอ
5วัน 3เมือง 2ประเทศ ฉันอยากเห็นทะเลทราย และ ความอลังการของนครวัดในทริปเดียวกันนั้นเอง
งานวางแผนก็มาสิค่ะ เวลาจำกัดเท่านี้ งบก็จำกัดเช่นกัน การนั่งเครื่องบินต่อประเทศจึงไม่ตอบโจทย์ แต่นั่งเครื่องบินจากประเทศไทย และ กลับประเทศไทยยังพอมีงบได้สบายๆ ทริปนี้ถือเป็นทริปแบ็คแพคเต็มตัว สิ่งที่พบเจอก็ประทับใจมาก คุณค่าที่คุณคู่ควรแน่นอน ตามฉันมา 6 August Journey จะพาไปลุยกับทริป 5 วัน 2 ประเทศแบบลุยๆ [divider style=”dashed” height=”2px” color=”#ffff14″]งบที่ใช้ที่เสียมเรียบ (Fix cost ที่ทุกคนต้องจ่าย)
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#ffff14″]ไปไหนมาบ้าง
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#deff0a”] เตรียมอะไรบ้าง
ทริคเล็กๆ เที่ยวเวียดนามอย่างไรไม่ให้โดนหลอก : คลิกที่นี่
Hak’s House ที่พัก 290 บาทรวมอาหารเช้า : คลิกที่นี่
พักกับโฮสต์ที่เวียดนามช่วยการเดินทางได้เยอะ : คลิกที่นี่
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#ffff14″][icon type=”fa-map-signs” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] วั น ที่ 1 : ก รุ ง เ ท พ – เ สี ย ม เ รี ย บ
การเดินทางครั้งนี้เรารู้สึกแปลกๆหลายเรื่องแหละ เราจะเจออะไร เราจะพบใคร แอบเป็นกังวล แล้วยิ่งต้องไปในประเทศที่ขึ้นชื่อว่า ขี้หลอก ขี้โกงอย่างเวียดนามแล้ว พาให้เรารู้สึกไม่อยากไป แต่ทำไงได้จองตั๋วแล้วต้องจัดเต็ม ผ่อนคลายกันที่เสียมเรียบก่อนเป็นไง ไฟท์บิน 10 โมงเช้าจะถึงที่นั้นเป็นมาณเกือบเที่ยง ได้มาพร้อมโปรโมชั่นอีกเช่นเคย
เวลาชั่วโมงก็ถึงแล้ว สำหรับดินแดนแห่งนครวัดแห่งนี้ สนามบินที่นี่เล็กๆ เดินเข้ามาแล้วค่อนข้างเข้าใจอะไรง่ายๆ ซ้ายเข้าเมืองธรรมดา ขวาคนต้องมีวีซ่า คนตรวจเข้าเมืองไม่พูดอะไรสักคำ 55+
แล้วความดีงามของประเทศนี้คือ Wifi ฟรีมีแทบทุกที่ แรงเวอร์
สนามบินก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนจะมาที่นี่เราขี้เกียจมานั่งต่อราคาค่าตุ๊กๆ หรือ แท็กซี่นำเที่ยวเราเลยเฟซบุคไปจองคนนี้พูดไทยได้สบายๆ เขาชื่อว่า คุณสวน [เฟซบุค] นางพูดไทยได้ด้วยคิดคนล่ะ 500 บาทต่อวันคุ้มเวอร์ !!!
กว่าเครื่องจะลง กว่าจะจัดการเอกสารในสนามบินก็กินเวลามาครึ่งวันแล้วเราจึงตัดสินใจไม่ออกเที่ยววันนี้เลย พักผ่อน หาอะไรกิน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ
เราต้องบอกคนขับให้พาไปซื้อตั๋วไปโฮจิมินก่อน
เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญในการที่จะเดินทาง 3 เมืองอย่างสมบูรณ์โดยเราเช็คราคามาแล้วว่าเขาขายกันประมาณ 22 $ แต่ที่นี่ขาย 2 ราคา แบบออกเวลา 1 ทุ่มจะขาย 25 $ ส่วนออกเวลา 4 ทุ่มจะขาย 23$ เราเลือกแบบสี่ทุ่มจะได้เที่ยวเต็มที่
แล้วเราก็กลับเข้าที่พัก คนขับบอกว่าที่คุณจองมามันโอเคมากเลยนะ สะอาดที่สำคัญราคาถูก ถูกจริงเราจองมา 293 บาทตกคนละ 146 บาทเองคืนนี้
ด้วยความว่าที่พักอยู่ห่างจากเมืองออกมา ฝุ่นแดง ถนนแดง ตลบเต็มหัว
ได้อารมณ์บ้านๆมาก แต่อากาศไม่ร้อนเลยเรามาช่วงปลายพฤศจิกายนแล้วอากาศดี สบายๆ สรุปแล้วเราก็จากคนขับรถในเวลาไม่นานแล้วนัดแนะกันดิบดีว่าตี 4 ครึ่งพรุ่งนี้เจอกัน
เวลาเหลืออีกเยอะแยะ เราเลยออกไปเดินเล่นตามชุมชนแถวนั้น รวมทั้งไปหาอะไรกินด้วยแหละ บ้านๆ งูๆ ปลาๆ แต่ชาวบ้านที่นี่ใจดีจริงๆนะ ถ้าเป็นชาวบ้านจริงๆ
คนที่นี่ถ้าเป็นพวกบริการนักท่องเที่ยวมักจะชาร์ตเงินเท่าตัว แต่ถ้าลองไปเดินตามชนบทสิ คิดราคาบ้านๆเลย
ที่ไทยมีขายอะไรที่นี่ก็มีขาย เช่น เอลเซ่ห่อละ 4 บาท นมหนองโพกล่องล่ะ 8 บาท ดีมากทำให้เราไม่คิดถึงบ้าน แล้วเราก็เดินไปร้านอาหารบ้านๆข้างทางนี่แหละ เมนูเด็ดของคนที่นี่คือ มาม่าห่อเหลืองผัดแห้งอร่อย แล้วก็กลับที่พักเตรียมพักผ่อนจ้า
[col2 ][/col2][col2 ][/col2]
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
สรุปวันที่ 23 Nov 2016 (1st) ทำอะไรกันบ้าง
[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]
[icon type=”fa-map-signs” color=”#999999″ size=”16px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] วั น ที่ 2 : เ สี ย ม เ รี ย บ ทั้ ง วั น
ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ แล้วเสียงสั่นของมือถือก็ดังขึ้น ตี 4 แล้วเราต้องรีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำ เพราะเราคิดไว้ว่าคืนนี้ไนซ์บัส ไม่ได้อาบน้ำจะเหนียวตัวแน่ๆ แล้วก็จัดกระเป๋าด้วยความเร็ว
เรื่องงานเร็วขนาดนี้ไหมลูก 55+
ลงมาข้างหน้าโรงแรมวางกุญแจไว้ได้เลย แจ้งเขาไว้แล้วว่าจะเช็คเอาต์แต่เช้า คุณสวน ก็มารอได้ตรงเวลาสุดๆ พูดไทยได้บ้าง อังกฤษปนบ้าง รู้เรื่องกันดี วันนี้ต้องจัดเต็ม
วิ่งให้ไว เข้าให้ถูกช่องซ้ายมือจะเป็นพวกซื้อตั๋ว 3 วันแต่อย่างเราจะอยู่โซนกลางๆ สังเกตป้าย 20$ เข้าไว้นั้นแหละป้ายเรา ไม่นานนักก็ได้ตั๋วมา ยืนยิ้มถ่ายรูปด้วย
เราก็รีบวิ่งกลับไปที่รถ เพราะถ้าช้ากว่านี้ไม่มีมุมถ่ายภาพแน่ๆ
คุณสวนก็เหมือนจะรู้แหละว่ารีบ พี่ท่านก็ขับแซงชาวบ้านเป็นว่าเล่น แล้วก็มาถึงนครวัดแบบมืดๆ เราก็เดินเข้ากันแบบมืดๆ แต่มันจะมีทางให้เดินบนสนามหญ้าคนน้อยๆ ทางนั้นแหละ 4×100 เลยค่ะพี่
คนเป็นล้านสมคำร่ำลือ ณ จุดนี้แล้วเราต้องยอมเหน็บกินเพราะถ้าไม่ยอมนั่งยองๆ คนก็ยืนบังหมดแล้วใช้ Skill ความเป็นคนไทยตัวเล็กๆ แทรกแซงเข้าไปนั่ง
เธอรู้ไหมฉันนั่งท่านั้นเกือบชั่วโมงเพื่อให้ได้ภาพอลังการงานสร้าง
พูดเป็นเล่นไป เอ้า !!! เราถึงกับร้องเรียกน้องที่มาด้วยกันว่าช่วยให้พี่ยืนขึ้นได้ทีเหน็บกินทั้งขา โชว์ความชราแต่เช้า 55+ แต่มันสวยอลังการมากเลย คุ้มค่ามากทริปนี้เจ๊พอใจแล้ว แสงเป็นเฉดสวยเวอร์วัง
นอกจากเราจะถ่ายรูปแล้ว เรายังถ่าย Time-slap ไว้ด้วยเอาไว้อวดชาวบ้าน และ พี่ที่ทำงานว่าเราขี้เห่อกับนครวัดใกล้บ้านขนาดไหน โอ้ยแกเราไม่ได้ไปยุโรปนะเว้ย ไม่ต้องขนาดนั้น
แกไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรอ See Angkor Wat and die
แกต้องมาชมความงามถึงจะตายตาหลับ แสงเช้าก็เริ่มฟุ้งขึ้นเยอะ ก็ถึงเวลาที่เราจะเดินเข้าไปสำรวจภายในนั้น
เราเคยคิดนะว่าแบบปราสาทหรอ บ้านเราก็มีหรือเปล่า มันจะต่างกับชาวบ้านยังไง ความรู้สึกแบบนี้จะหมดไป เมื่อเราได้รู้ที่มาของที่นี่ ว่าที่นี่เป็นที่เดียวที่เหลือรอดมาตั้ง 800 กว่าปี
ที่นี่เป็นสถานที่ทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่หลงเหลือ และกลายเป็นมรดกโลกไปแล้ว
คนสมัยนั้นสร้างของแบบนี้ได้นี่ไม่ธรรมดา แนะนำให้มาเที่ยวเช้าๆ เพราะจะได้ไม่ร้อนไง อิอิ
มาช่วงเช้าผู้คนจะไม่เยอะมาก แถมได้แสงเช้าไปด้วย โดยข้างในจะมีจุดให้เราปีนขึ้นไปชมวิว ซึ่งต้องต่อแถวนั้นแหละ ถ้ามาช้าก็รอนานหน่อย เพราะที่นี่นักท่องเที่ยวทั่วโลก
กว้างใหญ่ ไพศาลเดินเท่าไรก็ไม่หมดเราเลยเลือกเดินเป็นด้านๆ และ ตรงกลาง
เพราะแดดเริ่มจ้าจริงๆจังด้วยแหละ หิวก็หิวต้องรีบกันหน่อย
[col2 ][/col2][col2 ][/col2]
[col2 ][/col2][col2 ][/col2]
ระหว่างทางเดินออกมา จะมีคนมาขายเซตอาหารเช้า เต็มไปหมด วิธีการที่เราใช้ก็เหมือนเดิม ไม่พูด เดินดุ่มๆออกมา แต่พวกเขาก็ทักทายเราดีนะ ประโยคแรกส่วนใหญ่จะเป็น
“Where are your from ? “
วลีเด็ดแบบนี้ถ้าเผลอตอบอาจยาวได้ 55+ แต่สู้ราคาไม่ไหวจริงๆ เซตอาหารเช้าพวกนางราคา 200 บาทจ้า เราเลยให้คุณสวนพาขับมาหาร้านเน้นว่าไม่แพง ไม่มีตังนะ นางก็ขำ นางเข้าใจภาษาไทยดี ราคา 100 บาทได้รีบกระซวกแล้วไปต่อกัน
จุดต่อไปที่เรากำลังจะเข้าไปดูเขาเรียกว่า “นครธม” โดยที่บริเวณนี้จะมี 3 ปราสาทให้เที่ยว เดินหากันได้สบายๆ ตามจริงคุณสวนก็บอกแหละว่าที่นี่คือที่ไหน
เอาเข้าจริงเราก็จำอะไรไม่ได้หรอก นอกจาก Angkor Wat
โอ้ย คือชื่อมันก็แปลกๆแหละ แต่พอมาเขียนรีวิวนี่แหละเลยรู้แล้ว 55+
พล่างงงงงง ทัวร์จีนมาลงที่แห่งนี้เรียบร้อยแล้ว แออัดเต็มปราสาทไปหมด ถ่ายรูปแทบไม่ได้ ความพิเศษของที่นี่คือ รู้สึกไหมว่ามีคนมองเราอยู่ตลอดเวลา
ไม่ได้พูดให้หลอน เราแค่จะบอกว่าหินส่วนใหญ่ถูกแกะเป็นหน้ากษัตริย์เขาในสมัยก่อน
แต่ความงามข้างในนี้สวยนะ สวยจริงๆไม่เชื่อดูภาพข้างล่างดิ
ตอนแรกก็สงสัยนี่เราเห็นคนเดียวปล่าวว่ะ ปรากฎว่าไม่ เพราะวัยรุ่นจีนเหล่านี้แห่ตัวสวยทุกคนเลย มาถ่ายแนวฮิปต์ๆกันที่นี่ ด้วยความที่นักท่องเที่ยวจีนเยอะจริง
ต้องหนีออกมาก่อน เดินไปข้างๆจะเป็น ทางเดินให้เดินไป
เดินห่างออกมาก็เห็นความอลังการอีกแบบหนึ่ง แต่ที่นี่ดีนะร่มรื่นดีเราชอบ
จากจุดนี้เราก็เดินกันไปต่อที่ ปราสาทบาปวน (Baphuon) อลังการงานสร้างมากพอถึงช่วงเวลานี้ แดดเปรี้ยงเลยจ้า จะไม่เดินก็ไม่ได้ เพราะคุณสวนบอกว่า เดินเที่ยวยาวๆ 3 ที่เลย
ปราสาทบา-ยน, ปราสาทบา-ปวน เดินถึงกันได้ เดินวนไปค่ะ
ปราสาทบาปวนนั้น คล้ายๆ พีระมิดที่แม็กซิโกเลย แถมให้เราเดินขึ้นไปชมวิวได้ด้วย แต่เราร้อนเวอร์เลยส่งน้องอีกคนขึ้นไป เด่วเราถ่ายรูปให้ข้างล่างนะ 55+
การนั่งรอเราก็จะเห็นวีรกรรมของนักท่องเที่ยวนี่แหละ แต่ที่นี่ไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่มากนัก ไม่ค่อยเคร่งครัดเท่าไร ทัวร์จีนหลายคนก็ปีนกันสิค่ะ แต่ก็ไม่ได้เกินขอบเขตให้อันตราย
ที่นี่ในปราสาทมีความเย็น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหินหรือไม่
นั่งรอสักพักน้องก็ลงมา นางบ่นด้วยนะว่าที่นี่กำหนดทางเดินเป็น One way จะเดินกลับมาไม่ได้นอกจากต้องไปทางออกแล้ววนเข้ามาใหม่ ใครจะมาควรเดินทัวร์รอบเดียวแล้วค่อยขึ้นไป
ในส่วนของ ปราสาทบาปวน (Baphuon) นั้นไฮไลต์จะอยู่ที่ทางออก ซึ่งเป็นหินหลายก้อนมาต่อกัน เพื่อให้ได้รูปพระพุทธรูป ที่เป็นพระนอน เป็นบ้างไม่เป็นบ้างแล้วแต่จะเห็น
บริเวณนี้สวนเยอะดี ข้อดีของการมาเที่ยวปลายฝนแบบนี้
แล้วเราก็เดินไปที่สวนต่างๆ ก่อนที่จะเดินไปรถ เดินไปเดินมาก็ไม่เจอรถ หลง !! อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี 55+ แม่มมมมเอ้ยสรุปว่าลานที่รถจอดเยอะๆนั้นแหละรถส่วนใหญ่จะรอตรงนั้น
[col2 ][/col2][col2 ][/col2]
เวลาแบบนี้เราก็ไปกันต่อสำหรับอีกที่ ปราสาทพระขรรค์ (Preah Khan Temple) ฟังไม่รู้เรื่องอีกนั้นแหละ 55+ แต่ภาษาเขาก็ใกล้เคียงบ้านเราอยู่หรอก
ในปราสาทนี้จะมีเจ้าหน้าที่ของปราสาทดักรอตรงศูนย์กลางประสาท รอถ่ายรูปให้ แล้วพูดว่า Tip !!!
บอกเลยว่าเราก็ทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง ง่ายๆสั้นๆซื้อตั๋วรวม 20$ แล้วทำไมต้องมาเสียอะไรแบบนี้เพิ่ม นางก็คงเข้าใจว่าเราพูดอังกฤษไม่ได้ 55+
ปราสาทที่นี่ถล่มเยอะมาก คือซากหินกองเยอะ เดินๆเรายังกลัวว่าจะโดนถล่มทับไหม 55+ มาพูดถึงสาระของที่นี่สักนิด ที่นี่ถูกสร้างเพื่อเก็บอัฐิของพระธิดา
ถ้าเราอยู่ตรงศูนย์กลางปราสาท เราจะสามารถถ่ายรูปติดแสง เหมือนเราถือเพชรเม็ดงามอยู่
จบข่าวข้อมูลเรื่องราวก็มีประมาณนี้นั้นเอง
ที่สุดท้ายที่เราจะไปในช่วงแดดจ้าแบบนี้คือ ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) เรามาตามรอย Angelina Jolie ที่นี่ เพราะครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยถูกใช้ถ่าย Tomb Raider
ที่นี่ค่อนข้างใหญ่โต คุณสวนเลยนัดแนะเราให้เดินชมจนทะลุอีกฝั่งเขาจะรอตรงนั้น
ช่วงสาระมีอยู่จริงก่อน อิอิ ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าช่วงกษัตริย์ตอนนั้นพระพุทธศาสนาเจริญมาก กษัตรย์เลยให้สร้างประสาทในวัด ที่สำคัญที่นี่เป็นที่ๆเดียวที่ทางเขมรไม่ตัดต้นไม้ออก ถ้าเป็นปราสาทอื่นจะตัดไปแล้ว
ความงามข้างในก็มีอยู่ แต่ความใหญ่ของรากไม้ต่างหากที่ทำให้ที่นี่เป็นจุดเด่น เขาว่ากันว่าที่นี่แทบไม่หลงเหลือศิลปะของเขมรแล้ว เพราะเป็นช่วงปลายๆเขมร
รากไม้ที่ทำให้ที่นี่เป็นจุดเด่น
นี่เที่ยวมา 5 ปราสาทได้แล้ว ยังมีปราสาทยิบๆย่อยๆที่เขาให้แวะอีกด้วยนะ ระหว่างทางก็หิวๆ ก็สั่งมาม่ากินเหมือนเดิมแหละ คือติดใจมาม่าซองเหลือง 55+ แล้วเราก็เข้าเมือง
ช่วงเวลานี้ก็ปาไปบ่าย 2 กว่าๆได้เป็นธรรมเนียมที่เราจะไปหา Starbuck กินอยู่เมืองไทยไม่กินนะ 55+ คืออยากรู้ว่าแต่ละประเทศมันจะมีความต่างกันยังไง
คุณสวนก็พาแว๊นอย่างเมามัน พร้อมหยิบผ้าปิดจมูก ยื่นน้ำเย็นๆให้ด้วย
ระยะทางออกจากอาณาจักรนี้ไกลฝุ่นเยอะ เราว่าเขาบริการดีมากเลยงะเราชอบ (นางมารับเราตี 4 แล้วอยู่ด้วยจนหนึ่งทุ่มเลย) เขาก็พาเราเข้าเมืองแถว Pub street ไปที่ร้าน กาแฟ The blue pumpkin ซึ่งชั้น 2 มีที่นั่งแบบนอนได้ แน่นอนว่าเรานั่งแช่เป็นชั่วโมงจ้า
ข้างๆร้านมีที่ขายโปสการ์ด เราเลยซื้อแล้วส่งต้นทุนการส่งตกแล้วประมาณ 2$ ต่อใบ แล้วก็แลกเงินบาทที่นี่ด้วยแหละ คือเงินดอลลาร์ที่แลกมาเรากลัวไม่พอไปใช้ที่เวียดนาม
แถวนี้มีร้านของฝาก ร้านแลกตัง ร้านนวดครบครันความเจริญ ที่อยู่ได้
ส่งโปสการ์ดเสร็จมีการไปนอนนวดขาอีกครึ่งชั่วโมงด้วยนะ 55+ สนนราคาที่ 4$ เพิ่งจะสี่โมงเย็นเองไม่มีที่ไปล่ะ คุณสวนก็ถามว่าอยากทำอะไรอีกไหม อ้อ!!! เราอยากดูพระอาทิตย์ตกดิน ไม่แพง ไม่ชาร์ตเพิ่ม ไม่เสียค่าบัตรเพิ่ม
สถานที่ๆออกก็คือ ปราสาทพนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) ที่นี่ต้องเดินเขาขึ้นไปไม่ไกลมาก เดินเล่นๆสบายๆ แล้วจะถึงจะเจอปราสาท
ที่นี่มีแจกบัตรด้วย เพราะเขาให้ขึ้นไปไม่เกิน 300 คน
เราไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน คำถามในใจคือ “ไหนว่ะ ความงาม ?” เอาเถอะประเด็นต่อไปคือ เราจะหาที่ไหนสิงสถิตก่อนเวลา 4 ทุ่มครึ่ง ?
พวกเราก็ให้คุณสวนพาไปสำรวจบริเวณที่ต้องรอรถก่อน สบายใจล่ะ ที่รอรถใกล้ Coffee Brown เดินไป 1 ซอยก็เจอกัน ที่นี่ปิดสี่ทุ่ม เราจะนั่งรอที่นี่แหละ
ที่นี่มีสลัดแซลมอนอร่อย 120 บาทเอง มีพาสต้า มีทาร์ตไข่
กินให้หมดร้านค่ะ กินวนไปจนกว่าจะถึงเวลา แล้วพนักงานเสริฟที่นี่ก็มาคุยด้วย น้องเขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าเป็นคนไทย พูดไทยใส่ใหญ่เลย
เราอาศัยล้างหน้าแปรงฟันที่ร้านนี้ นั่งไปถึง 3 ทุ่มก็ค่อยออกมารอที่ท่ารถ ครั้งนี้เขาตั้งเก้าอี้รอเต็มเลย 55+ เดินไปเดินมาก็เพิ่งเห็นว่าห้องน้ำเขามีให้อาบน้ำด้วย
ทริคเล็กๆของการเที่ยวแบ็คแพ็ค นั่งไนซ์บัส มีที่อาบน้ำ ครบ
มันอาจไม่ได้สะอาดเวอร์ แต่มันก็เป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกสะอาด สบาย แต่ถามว่าอาบไหม ? บอกเลยว่าไม่เพราะเพิ่งมาเห็น 55+
แล้วเราก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับเมืองใหม่ โฮจิมิน ซิตี้ ส่งท้ายเมืองแรก ประเทศแรกของทริปนี้ ด้วยคลิปการเดินทางของเรา แล้วไปต่อกันเลยที่ เวียดนาม
[youtube width=”90%” height=”100%” autoplay=”false”]https://www.youtube.com/watch?v=AV-eeAckreg[/youtube]