เชียงราย
เชียงรายไม่มีรถ ทริปนี้เป็นการเดินทางของผู้หญิง 2 คนที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายคน โดยที่มาที่ไปของทริปนี้มาจากตั๋วถูกจากสายการบินสิงโต โปรโมชั่นเปิดเส้นทางการบินใหม่ ด้วยเงิน 3 ร้อยกว่าบาท ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วจองเลย
เชียงราย 3 วัน 4 คืนไม่มีรถก็เที่ยวได้…รู้ยัง?
ส่วนของรีวิวนี้ผึ้งจะพยายามเล่าให้ครบเหมือนเดิม เพราะผึ้งเข้าใจดีเลยแหละว่าเวลาที่เราต้องเดินทางแล้วไม่รู้ว่ามีรถอะไร ต่อรถยังไงมันเป็นอย่างไร และ ผึ้งเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนเลยที่อยากไปที่นี่แต่ขับรถไม่เป็น ตามฉันมา…ฉันจะพาเที่ยวเชียงราย
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeeeee”]
งบที่ใช้สำหรับจังหวัดนี้ 4 วัน 3 คืน
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeeeee”]
ไปไหนมาบ้างอย่างละเอียด
ดอยตุง [icon type=”fa-google-wallet” color=”#999999″ size=”16px” style=”” link=”” new_window=”true” ] ดอยแม่สลอง [icon type=”fa-google-wallet” color=”#999999″ size=”16px” style=”” link=”” new_window=”true” ] บ้านดำ [icon type=”fa-google-wallet” color=”#999999″ size=”16px” style=”” link=”” new_window=”true” ] หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร [icon type=”fa-google-wallet” color=”#999999″ size=”16px” style=”” link=”” new_window=”true” ] ปั่นจักรยานเล่นตัวเมือง
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeeeee”]
ทุกอย่างพร้อมมาเริ่มเดินทางกันได้
อย่างที่เราเล่าไว้แหละ ตั๋วเปิดเส้นทางใหม่ของสิงโต ราคาไปกลับ 600 บาทไทยได้แต่เดินทางกันหน้าฝนอย่างเดือนกรกฎาคมนั้นเอง Low cost Airline แบบนี้แน่นอนว่าต้องมาที่ดอนเมือง
ข้อดีของดอนเมืองคือ นั่ง BTS มาลงหมอชิต แล้วนั่งรถประจำสนามบินเข้าไปเลย 30 บาทเท่านั้น สะดวกเนอะ
เราพร้อมแล้ว นัดเพื่อนไปเจอกันที่สนามบินกันเลย ไป !!!
เวลาการบินก็ตรงเวลา การบริการถือว่าโอเคเลย เพียงแต่ไม่มีขนมให้กินเหมือนนกแอร์ 55+ ในระยะเวลาชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงท่าอากาศยานจังหวัดเชียงราย
ท่าอากาศยานเงียบๆ แต่มันเขียวขจีมากเลยน่าอยู่
รอรับสัมภาระเรียบร้อยเราก็แค่เดินออกมาที่หน้าสนามบินเล็กๆแบบนี้จะเจอแท็กซี่ท่าทีสุภาพเป็นคนพื้นเมืองมารอเต็ม เราก็แค่ตกลงราคาแล้วก็ไปกัน 70 บาทเท่านั้นด้วยความที่เราไปถึงเย็นๆเราเลยนอนที่ตัวเมืองก่อนคืนนึง
เริ่มต้นเดินทางกันเช้าตรู่ด้วยการบอกที่พักว่าจะไป ท่ารถเก่าเพื่อไปต่อรถไปดอยตุง พนักงานของที่พักก็โทรเรียกแท็กซี่ให้ เห็นไหมไม่ยากอย่างที่คิด
แท็กซี่ที่นี่เป็นคนเมือง สุภาพ ขับรถดีก็มารับถึงที่พักค่าเรียก 20 บาทจ้า
ในระยะเวลาไม่นานนักก็ถึงท่ารถจุดมุ่งหมายแรกของเราวันนี้คือ ดอยตุง มีรถสองแบบให้เลือกรถตู้แพงกว่า 20-30 บาทแต่ออกบ่อยและถึงเร็วกว่ารถบัสแหละเลือกเอาจ้า
เราเลือกนั่งรถตู้ ถึงอย่างไว ถึงแบบงงๆ ในสภาพแบบนี้ด้วย 55+ เดินไปอีกนิดซ้ายมือจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ และ รถสองแถวบริการขึ้นดอย แต่เดียวก่อน
ด้วยความที่เรามาเที่ยวช่วง Low Season แบบนี้ไม่มีคนแชร์รถต้องเหมา
เหมาแบบ 400 บาทขึ้นไป หรือจะนั่งมอเตอร์ไซค์แว๊นขึ้นไปคนล่ะ 70 บาท แน่นอนว่าเราเลือกแว๊นขึ้นไป หนทางชัน และ อันตรายใช้ได้ แต่เช้าแบบนี้เย็นบรรยากาศดีมาก
ก่อนเข้าชมความงามบนดอยแห่งนี้อย่าลืมเสียค่าเข้าจ้าเขาจะมีขายแบบแยก ชมสวน ชมตำหนัก แต่เราแนะนำว่าซื้อแบบบัตรรวมไปนั้นแหละ ราคาโอเค 220 บาท
บนนี้คนไม่ได้เยอะมากค่ะ ถ้ามาเช้าๆ ทัวร์ยังไม่มาลง
สิ่งที่อยากแนะนำก็มีประมาณนี้จ้าสำหรับที่นี่ มาถึงจุดแรกก่อนดีกว่าเราเลือกเข้ามาเดินพระตำหนักก่อนเพราะเห็นยังไม่มีคนมาก
การเดินเล่นในนี้เราจะได้เครื่องและหูฟังบรรยายแต่ละจุดมาไว้เดินฟัง ทำให้เราซาบซึ้งกับพระราชกรณียกิจของกษัตริย์ไทยเรา อย่างพระตำหนักนี้
สมเด็จย่าทรงอยากให้คนไทยชาวเขามีอาชีพ และ อยากให้เราได้เห็นดอกไม้ต่างประเทศบ้าง
บนนี้จึงมีสวนดอกไม้ และ พวกชาวเขาก็มีอาชีพกัน รู้สึกดีมากเวลาที่มาเที่ยวแบบนี้แล้วรู้ที่มาที่ไปขนาดนี้
เป็นจังหวะที่ดีมากที่ชิงเข้าชมพระตำหนักก่อน เพราะคนน้อยจังหวะที่เดินสวนออกมาคนเข้ามาเต็มเลย เราต้องอาศัยจังหวะนี้แหละไปเดินเล่นในสวนสมเด็จย่าแทน
บนนี้ดีมากเลย อากาศเย็นๆบริสุทธิ์ เดินท่ามกลางดอกไม้
จัดสวนเป็นโซนดี สวยงามน่ามาถ่ายรูป แล้วเราก็หิวกันแล้วขอแวะทานอาหารเช้ากันบนดอยนี่แหละ ร้านอาหารบนนี้ราคาไม่แรงอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะเป็นโครงการหลวงด้วยแหละ 40-50 บาทกินได้สบายใจ
ทานอะไรเรียบร้อยเสร็จก็จะลงไปข้างล่างกัน แต่เดียวๆ เราไม่มีรถที่จะลงไป ใจอีกใจก็อยากโบกรถคนอื่นติดลงไปกัน แต่ก็นะใจไม่กล้าพอ ไม่เคยเลยสำหรับการโบกรถ
พี่วินมอเตอร์ไซค์ขาขึ้นมาให้เบอร์ไว้ ก็โทรไปเรียกเขาขึ้นมารับ
ตอนเขารับสายภาษาเหนือมาเต็มเกือบฟังไม่รู้เรื่องแหนะ 55+ รอดปลอดภัยแล้วสำหรับที่แรก ที่ถัดไปคือ ดอยแม่สลอง ต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้เพราะเราจองที่พักไว้แล้ว
พี่วินมอเตอร์ไซค์เขาก็แนะนำแหละว่าให้มารอรถประจำทางตรงนี้ คือฝั่งตรงข้ามกับทางมา เพราะดอยตุง อยู่ไกลกว่าดอยแม่สลองนั้นเอง รถประจำทางที่นานๆผ่านมาทีก็มาถึง
เราแค่ตะโกนถามว่าผ่านทางขึ้นดอยแม่สลองไหม ก่อนขึ้น
คนที่นั้นเขาก็จะช่วยเหลือเราอย่างดี แน่นอนว่าไม่มีหลง บอกกระเป๋ารถเมล์ด้วยว่าถึงแล้วบอกหนูหน่อยนะ ซึ่งมันก็แปบเดียวจริงๆก็มาถึง แล้วอย่างที่บอกฤดูนี้คนเที่ยวน้อย คนหารค่ารถไม่มีจึงต้องเหมาขึ้นดอยได้ราคามา 300 บาท ถูกมาก !!!
เพราะทางที่เราขึ้นมันชันมาก และไกลมาก เราว่าคุ้มจริงๆ เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าทางที่เรามานั้นเป็นเส้นทางที่สั้น แต่ชันมาก ต้องอาศัยความชำนาญในการขับรถ
เราบอกคนขับรถว่าเราต้องการหาเช่ามอเตอร์ไซค์ ไปส่งเราที่นั้นพอ
ที่แห่งนั้นก็คือ “ซินแซ” จุดนั้นเองน่าจะเป็นจุดที่สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ได้ที่เดียวบนดอย ใครตามจะตามรอยจำชื่อให้แม่นจ้า
แล้วเราก็มาถึง ซินแซ ลุ้นแทบตายว่าจะมีชีวิตรอดไหม 55+ เราก็มาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ซึ่งหาง่าย เราเลือกออโต้ ทั้งที่ตามจริงควรเลือกแมนวล
ขับรถบนเขาไม่ควรเลือกระ Auto เพราะอันตรายมาก
ตอนแรกก็ขับไปที่พักก่อนนั้นแหละตามหากันก่อน หนทางกันดานใช้ได้เลย และเหนื่อยมากตอนนี้แต่เมื่อมาถึงที่พักเท่านั้นแหละหายเหนื่อยเลยสำหรับ แม่สลองเม่าเท่นโฮม สวยมาก
สวยอะไรเบอร์นั้น คือเราไม่เคยเห็นอะไรสวยขนาดนี้มาก่อนเลย เราเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงอยากให้ขุนเขากอด นั่งมองวิวแบบนี้ได้ทั้งวันก็ทำได้ แต่อย่าลืมว่าเรามาเที่ยว เราต้องออกไปหาที่เที่ยว
นอนพักสักแปบแล้วเราก็ออกไปตามล่าความงามของแม่สลอง
เราเริ่มตามหาไร่ชาต่างๆ แล้วก็ขับลึกไปถึงขึ้นไปบนพระธาตุสันติคีรี จุดพีคของการเที่ยวบนนี้คือ เราเบรครถไม่อยู่ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาห้ามขับ Auto =*=
คือมาเบรคอยู่ตอนสุดท้ายของที่จอดรถจริงๆ โอ้ยยยยย เราเพิ่งรู้ว่าชีวิตมันมีค่าขนาดไหนก็ตอนนี้แหละ แต่ไม่กล้าบอกเพื่อนนะ 55+ กลัวเพื่อนไม่ไว้ใจ
เราก็มาชมวิว มานั่งดื่มบรรยากาศที่นี่สักแปบนึง
จนหิวถึงค่อยออกมา ตามหาร้านเด็ดอย่างร้าน “อิ่มโภชนา” ที่มีอาหารจีนยูนนานต้อนรับเราอยู่
จริงๆแล้วถ้ามากัน 2 คนแนะนำให้สั่งชุดเล็ก เพราะ มันเยอะมากแต่ก็อร่อยเช่นกัน ถึงเวลาเมื่อหนังท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มหย่อนเราเลยแว๊นกลับที่พักกัน
ดื่มชาที่ๆพักจัดให้สักแปบแล้วเราก็นอนชิลๆ อาบน้ำอุ่น slow life ไปเรื่อย
โอ้ยยยยขออยู่ที่นี่ตลอดไปได้ไหม อยากหยุดเวลาไว้จริงๆ มันเป็นอะไรที่สบายมาก
ค่ำคืนนั้นเราก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า คือมันก็สนุกไปอีกแบบแหละ เช้ามาก็เตรียมเก็บข้าวของเพื่อมุ่งหน้าไปที่ตัวเมือง รถมอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด ทำยังไงก็ไม่ติด
ดังนั้นเลยทำอะไรไม่ได้ก็ขอติดรถคนที่มาพักที่นั้นออกมา เพื่อมาขึ้นสองแถวประจำทางนั้นเอง
สุดท้ายก็ได้ติดรถคนไม่รู้จักออกมา เราก็มารอรถกันที่ตลาดชาวเขาที่จะมีสองแถวลงดอยเป็นเวลา ในราคาคนล่ะ 70 บาทเราได้เห็นวิถีผู้คนที่นี่เราว่ามันดูธรรมชาติมากเลยนะ
ลงมาจากดอยเรียบร้อยเราก็ถามคนแถวนั้นว่าจะเข้าเมืองต้องขึ้นรถตรงไหนอะไรยังไง แล้วก็มีรถสองแถวผ่านมา มีคนจะเข้าเมืองเป็นกลุ่มๆก็เลยนั่งสองแถวนั้นเข้าเมืองเลย 140 บาทเท่านั้น
รถสองแถวมาจอดที่เดิมกรมขนส่ง แล้วเราก็พยายามหาแท็กซี่ แต่คนแย้งกันโบกหมด เลยต้องนั่งตุ๊กๆ
มาเที่ยวครั้งนี้นี่ดีเนอะ ได้นั่งยานพาหนะครบทุกอย่างจริงๆ เราก็แอบจีบตุ๊กๆว่ารับเหมาเที่ยวไหม จะไปบ้านดำ และ หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร สรุปพี่แกรับคำท้าในราคาโอเค
เราแวะไปเก็บของกันก่อน ไม่รอช้า แล้วก็ออกเดินทางกันต่อมุ่งหน้าไปที่ บ้านดำ อีกหนึ่งสถานที่ๆควรมาเมื่อมาเยือนเชียงราย เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่วัดร่องขุ่น แต่ที่นี่มีศิลปะชีวิตจริง 55+
สวย ดุดัน ดูขลัง ที่สำคัญเรานึกถึงชีวิตหลังความตายด้วย
เพราะที่นี่นอกจากความงามของสิ่งก่อสรา้งสีดำแล้วยัง มีพวกซากสัตว์ให้ชมพร้อมกับคติที่ว่า ตายไปก็เอาไปไม่ได้ !!
นอกจากนั้นแล้วยังมีงูเหลือมเลื้อยไปมา ให้ได้ชมเป็นขวัญตาด้วย ของจริงว่างั้น จบจากบ้านดำไม่นานนักเราก็มุ่งหน้าสู่ความเป็นกะเหรี่ยงที่ หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ประโยคนี้ต้องลอยมา “ช้างข้าอยู่ไหน !!!” 55+
เกิดมาสักครั้งอยากลองขี่ช้างจับตั๊กแตน 55+
ไปถึงก็เวลาช้าแล้วแหละรอบสุดท้ายได้นั่งโยกไปก็โยกมาวนรอบหมู่บ้านค่ะ ไม่ค่อยธรรมชาติแล้วแหละ แต่ก็สนุกดีงะชอบ จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าเมือง
เรากลับเข้ามาในเมืองเร็วใช้ได้เลยเริ่มต้นเดินหาร้านเช่าจักรยานกัน โดยเท่าที่เห็นมีอยู่ร้านเดียว ร้านเช่าจักรยานข้างข้าวซอยพอใจ ร้านดังของเชียงรายนั้นเอง
มีที่ล็อคแถมให้ ก่อนเอาไปเช็คลมยางด้วยเดียวปั่นน่องปูด 55+
เราให้พี่เขาเติมลมให้ด้วย คืนนี้แหละปั่นทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ ปั่นวนไปวนมาในเมืองสักพักแหละจนกว่าจะจำวิวข้างทางได้ แล้วเราก็หาเสาไว้รูด ! ไม่ใช่ไว้ล็อคจักรยานเสาจราจรมักจะเป็นที่มุ่งหมายเราก็มาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินนี่แหละ
ถนนคนเดินที่นี่มีของกินเยอะดีแวะชิมทุกร้านได้สบายๆ แล้วเราก็แวะนวดตัวด้วย นวดกันบ้านๆกลางถนนนี่แหละ นวดดีเกินคาดหายเมื่อยเลย แล้วเราก็ปั่นสำรวจเมืองยามค่ำคืนไปถึง Night Bazaar ก่อนที่จะกลับที่พัก
ความที่อยากเห็นโลกกว้างเราปั่นจักรยานกันถึง 3 ทุ่ม !!!
ไม่ค่อยจะฮาร์ดคอร์เลย แล้วเราก็นอนหลับไปพร้อมกับความคาดหวังว่าพรุ่งนี้ต้องตะลุยกินร้านดังๆให้หมด
ฝนก็โปรยปรายตามภาษาหน้าฝน เราต้องอาศัยจังหวะช่วงชิงความตกแรงไปนั่งกิน 55+ แล้วช่วงไหนซาๆก็ค่อยออกมาปั่นกันต่อ เจอวัดไหนสวยก็เข้า แต่วัดที่นี่มีความเป็นล้านนาสวยๆเลยแหละ
วัดพระแก้ว วัดพระสิงห์ อะไรทำนองนั้นสวยงามตามท้องเรื่อง
แล้วเราก็ปั่นมาหอนาฬิกาที่เดิม ที่เพิ่มเติมคือหาอะไรกินที่ ร้านสหรส เจ้าดัง
อร่อยดี รวมกับความเป็นสมุนไพรด้วยแล้วถือว่าทัวร์จีนมาลงเยอะเป็นว่าเล่น ราคาเบาๆ 50 บาทเท่านั้นด้วย ฝนหยุดสักพักเราก็ไปกันต่อ ชุ่มช่ำจริงๆ
นอกจากเราจะแวะกินหนีฝน เราก็แวะวัดหนีฝนด้วยเช่นกัน
เพื่อนเราแวะไหว้ เราก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยรอบวัดแหละ ก่อนที่จะมุ่งหน้าปั่นขึ้นเขาเล็กน้อย
ปั่นขึ้นเขาเล็กน้อยครั้งนี้คือ พิพิธภัณฑ์จอมพล ป เป็นบ้านพักช่วงที่ท่านมาอยู่ที่นี่ เข้าฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่มันเด็ดตรงร้านกาแฟจอมพลนี่แหละ บรรยากาศชิลๆ
นั่งดื่มพร้อมความคลาสสิค ฟังเสียงฝนพร่ำเล็กน้อย
เป็นทริปที่เปียกปอน แต่ก็อยากมีโมเมนต์นี้อีกนั้นแหละเราว่ามันสนุกดี