Banff National Park รีวิว 4 วัน 4 คืน ในอุทยานแห่งชาติระดับโลกที่ แคนาดา (Canada)

October 14, 2024
874 views
31 mins read

Banff National Park รีวิว – เป็นอีก 1 จุดมุ่งหมายในฝันสำหรับคุณผึ้งเลยค่ะ ที่เคยเห็นคนนั่งบนเรือท่ามกลางทะเลสาปสีฟ้า เก็บเงินตั้งใจว่าปี 2024 จะไปพิชิตที่นี่ให้ได้ แล้ววันนี้ก็มาถึงค่ะ ครั้งนี้มาเที่ยวที่นี่ 5 วัน 4 คืน แวะเที่ยวที่ซานฟรานซิสโก (รีวิว) ก่อนที่จะบินตรงมาที่ Calgary ตามคุณผึ้งมา รีวิวนี้จะขอแชร์ประสบการณ์ และ แพลนต่างๆให้ตามรอยกันค่ะ

Banff National Park (งบ และ แผนที่เที่ยว)

Banff National Park รีวิว (เตรียมตัวอะไรบ้าง)

  • VISA การเข้า Canada ต้องใช้วีซ่านะคะ หรือ ใครมีวีซ่า USA (รีวิวทำวีซ่า) แบบเราก็จ่ายเงินประมาณ 180 บาทเพื่อทำ ETA ได้เลย แต่มีข้อแม้ต้องบินมาลงเท่านั้นค่ะ ห้ามข้ามแดนแบบรถ เรือ
  • เวลา ที่ Calgary ช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง (เร็วกว่า Vancouver 1 ชั่วโมง)
  • ปลั๊กไฟ ที่นี่ใกล้เคียงเมืองไทยมาก (พกปลั๊กไฟ Universal Adaptet ได้)
  • ขนส่งสาธารณะ จากสนามบิน Calgary ไป Banff Nation Park เขามีพวกรถตู้แบบ Express รับส่งนะคะ ตกเที่ยวละ 28 CAD รถตู้ด่วนวิ่งตรงเลยค่ะ 2 ชม. ถึงที่หมายสะดวกสบาย (เราใช้บริการผ่านเว็บ Busbud)
  • Travel สำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถขับ เขามีบริการ 1-3 days tour ด้วยนะคะ บน Klook ก็มีค่ะ หรือใครอยากนั่งรถไฟสวยๆ หลังคาใสๆ ก็ต้องมีเวลา และ เงินพอสมควรเลยค่ะ ถือว่าสะดวกมาก
  • RV Car เช่ารถบ้านขับ (รีวิว) ถ้ามากัน 4 คนขึ้นไป และเป็นสายลุยแนะนำให้เช่ารถบ้านขับค่ะ ทริปนี้คุณผึ้งเลือกใช้บริการรถบ้าน เพราะเที่ยวหลายวัน
  • Internet ที่นี่ไม่ค่อยมีสัญญาณค่ะ จะมีแค่ในเมือง และ โซน Campground บางจุดเท่านั้น ราคา Roaming ใกล้เคียงกับ e-Sim ที่นั้นเลย แต่ถ้าเน็ตหมดก่อนก็ซื้อ e-Sim เอาเพราะเขามีขายแบบ 1 GB ไม่แพงเราใช้ของ Airalo (กรอกโค้ด “WANNAP9508” เพื่อรับส่วนลด 3 USD)
  • เงิน เราพกเงินใส่ Travel Card ส่วนใหญ่ค่ะ ที่นี่มีบังคับจ่ายทิป ตอนจังหวะคิดค่าใช้จ่ายทั้งหมดเสร็จ เขาจะยื่นเครื่องให้เรากดว่าเราจะให้ทิปกี่เปอร์เซนต์
  • ของฝาก แนะนำให้ซื้อที่ Calgary เลยเพราะ VAT ที่เมืองนี้จะถูกกว่าที่ Vancouver (BC) เราแนะนำให้ซื้อ Nanaimo Bar เป็นขนมที่หาได้แค่ที่แคนาดา แซลมอนรมควัน และ Maple Syrup

Banff National Park รีวิว วันที่ 1 (Rental Car / H Mart / Canadian Tire / Emerald Lake)

ช่วงเวลา 4 วันนี้เราสามารถเดินทางด้วยวิธีหลายแบบนะคะ แต่ครั้งนี้เรามากับพี่ๆรวมกัน 5 คนเลยเลือกเดินทางด้วยรถบ้านค่ะ (รีวิว) ก่อนเช่ารถแนะนำให้อ่านรีวิวฉบับเต็มก่อนนะคะ แล้วประเมินว่าเราสามารถจัดการความวุ่นวายเหล่านี้ได้ไหม

รับรถแล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่ H Mart ซึ่งเป็นห้างที่ขายพวกอาหารเอเชียค่ะ เนื่องจากมีรถบ้าน เจตนาไปแคมปิ้ง อาหารการกินเป็นเรื่องสำคัญค่ะ เนื้อ ไข่ นม ทุกอย่างจัดไปให้ครบ ในรถบ้านมีตู้เย็น และ ทุกอย่างครบ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ Canadian Tire เป็นแหล่งขายอุปกรณ์แคมปิ้งทั้งหมด ใครลืมพกอะไรมา สามารถมาซื้อได้ที่นี่ค่ะ สิ่งที่เราซื้อคือพวก สเปรย์กันหมีค่ะ ขับออกมาสักพักจะได้สัมผัสทัศนียภาพ วิวธรรมชาติของแคนาดา เพราะออกนอกเมืองกันแล้วค่ะ

ทางเข้า Banff National Park จะมีจุดคล้ายๆกับด่านเก็บค่าทางด่วนประเทศไทยค่ะ แต่ตามจริงคือจุดเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ คิดเป็นรายวัน และ มีขายแบบรายปีด้วยค่ะ ถ้าคิดว่ามาบ่อยก็ซื้อรายปีไปเลย ป้ายที่นี่จะมีภาษาอังกฤษ และ ภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาราชการ

จากนั้นขับรถไปเช็คอินที่แคมป์ก่อน กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้วค่ะสำหรับวันแรก เลยเริ่มเที่ยวที่แรกอย่าง Emerald Lake สามารถขับรถมาจอดที่ลานจอดรถ แล้วเดิน 50 เมตรก็เจอวิวสวยๆแล้วค่ะ

ถ้าเรามาช่วงกลางวัน เข้าใจว่าเขามีบริการเช่าเรือพายด้วยค่ะ แต่เรามาเย็นแล้วทุกอย่างจะเหมือนปิด เพียงแต่วิวธรรมชาติจะยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินถ่ายรูปได้ค่ะ

จุดถ่ายรูปที่นี่จะมีประมาณ 3-4 มุมได้ มุมแรกจะเป็น Emerald Lake Lodge ที่จะมีสะพานไม้ทอดไป โดยบริเวณนี้จะมีเส้นทางเดินป่าด้วยนะคะ รอบๆทะเลสาป ถ้าใครมีเวลาก็มาเดินได้

อีกจุดจะเป็นเส้นทางธรรมชาติ เดินลงไปใกล้ทะเลสาป จะได้มุมสวยๆ สำหรับถ่ายรูป หลายคนก็มาเล่นปาหินลงน้ำกันค่ะ ชิวๆ เริ่มแรกของทริป

Banff National Park วันที่ 2 (Moraine Lake / Larch Valley)

วันนี้จะเป็นวันที่หนักที่สุดสำหรับการมาเที่ยวครั้งนี้ค่ะ เพราะเป็นวันที่ต้องตื่นเช้า มานั่งทนหนาวรอพระอาทิตย์ขึ้น และต่อด้วยการเดิน trekking ยาวไปกลับ 10 กิโลเมตร คุณผึ้งเลยเขียนรีวิวแยกค่ะ สามารถอ่านได้ คลิกที่นี่

แต่การเดินป่าทั้งวัน สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำอาหารทานนะคะ 55+ ชีวิตของคนเช่ารถบ้านขับไม่ได้สบายเลยค่ะ แต่ถือเป็นประสบการณ์

Banff National Park วันที่ 3 (Sunwapta Falls / Icefields Parkway / Moraine Curve / Bow Lake / Peyto lake)

เนื่องจากเมื่อวานเรา trekking กันทั้งวัน ทริปวันนี้เลยเป็นอะไรที่สบายๆค่ะ เน้นขับรถไปจอด แล้วลงเดินถ่ายรูปได้เลย เช้าวันนี้เราเริ่มต้นกันที่ Sunwapta Falls ที่เขาตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Jasper แล้ว

ที่นี่จะเป็นทางชันๆ ที่เราต้องเดินลงไปนะคะ แต่เดินเล็กน้อยก็จะเจอสะพานไม้ อยู่กึ่งกลางที่น้ำตกตกลงมาค่ะ แต่จะมีต้นไม้บังหน่อย แนะนำให้เดินเข้าไปข้างในแล้วเดินลงไปอีกนิด

วิวบริเวณนี้เป็นอะไรที่ว้าวมากนะคะ น้ำที่มาตกบริเวณนี้ก็แรงมากเช่นกัน ถ้าจะมาถ่ายรูปแนะนำให้พกฟิวเตอร์เลนส์กล้องมาด้วยค่ะ และที่สำคัญที่นี่ก็มีเส้นทาง Trekking เหมือนกันนะ ถ้ามีเวลา ลองศึกษาเส้นทางดูค่ะ

ระหว่างที่เราขับรถกลับไปที่ Banff National Park เราจะผ่าน Icefields Parkway เราจะเห็นล่องรอยของสายน้ำ ที่น้ำแข็งละลาย ได้เห็นวิวแปลกตาไปอีกแบบค่ะ คล้ายๆที่ Leh Ladakh เลย

ขับไปเรื่อยๆ จะเจอที่จอดอีกหลายจุดค่ะ ที่สำคัญโซนนี้จะมี Skywalk หลายจุดค่ะ ค่าเข้าเอาเรื่องอยู่ค่ะ ต่างกันแค่วิว แล้วเราก็มาหยุดในที่จอดรถชมวิวฟรีค่ะ สังเกตได้ไม่ยาก คนท้องถิ่นจะมาจอดกันเยอะค่ะ

อีกจุดเลยคือ โซน Icefields Parkway ที่ถ้าเขาสู่หน้าหนาว ทุกอย่างจะเป็นน้ำแข็ง กาเซียร์ และมีบริการสัมผัสประสบการณ์ไปเดินบนน้ำแข็งจาก Athabasca Glacier Experience ด้วย แต่เราไม่ได้ใช้บริการนะคะ ช่วงที่ไปยังไม่เป็นน้ำแข็งหมด

จุดถัดมาที่แวะในวันนี้คือ Banff Morants Curve แวะมาดักรอรถไฟ ท่ามกลางวิวของแม่น้ำ Bow และข้างหลังสุดคือ Canadian Rockies โดยตารางของรถไฟที่จะผ่านจุดนี้ไม่แน่นอน เผื่อเวลารอไว้ด้วยค่ะ

จากนั้นเราก็ไปตะลุยกันต่อที่ Bow Lake บรรยากาศชิวๆ แอบเจอทัวร์จีนกันบ้าง 1 คันรถ แต่ก็ยังเงียบสงบอยู่ค่ะ บริเวณนี้ลงแรงมากนะคะ เตรียมเสื้อกันลมมาด้วย เพราะทะเลสาปตรงนี้ค่อนข้างเปิด

วันที่เราไปสภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ ถ้ามีแสงแดดส่องจัดๆจะสายมาก แต่เหมือนเราเข้าไปใกล้ เทือกเขาร็อคกี้ และจุดนี้เองที่เราสามารถไปต่อที่ Peyto Lake ได้

ที่สุดท้ายของวัน เผื่อเวลามาบริเวณนี้เยอะหน่อยนะคะ เพราะเดินเข้าไปไกลเหมือนกันค่ะ สำหรับที่นี่ Peyto Lake ถือเป็นไฮไลท์เหมือนกันนะคะ มีจุดจอดรถหลายจุดนะคะ และ มีจุดชมวิวหลายจุดเช่นกัน

จากป้ายเดินเข้าไปตามทาง ประมาณ 700 เมตร จะเจอปลายทาง มีสิ่งก่อสร้าง ที่เหมาะต่อการชมวิว เป็นที่นั่ง ให้นั่งชมวิวได้ค่ะ แต่จะมีเส้นทาง trekking อีกจุดที่เราต้องเดินต่อไป เพื่อไปพบวิวสุดหวิว แต่สวยแน่นอน

Banff National Park วันที่ 4 (Lake Louise / Cascade of Time Gardens / Downtown / Cascade Ponds / Banff Gondola / ล่าแสงเหนือ)

มาถึงวันที่อากาศดีบ้างแล้วค่ะ อากาศมาดีช่วงวันสุดท้าย เราเริ่มไปรอชมแสงตอนเช้าที่ Lake Louise กันค่ะ ถือเป็นที่ Popular มากๆเลยค่ะ เพราะจากที่ไปมาหลายวัน เจอคนที่ตรงนี้เยอะที่สุด

ที่นี่มีโรงแรม Fairmont Château Lake Louise ที่อยู่ตรงบริเวณนั้นเลยค่ะ ราคาแรงใช้ได้เผื่อใครที่อยากมาถ่ายรูปแบบบรรยากาศ Private ช่วงเวลาที่เราไปคือช่วงเวลาเช้าตรู่ แต่ก็ต้องรอแสงแดดนะคะ

แนะนำให้เดินเข้ามาลึกๆค่ะ จะได้มุมถ่ายรูปสวย ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งไม่มีคน แต่ตามจริงคนจะซาขึ้นเยอะค่ะ เวลาที่แสงออกมาแล้ว และแสงจะจ้าเลยถ้ามาช้าค่ะ แนะนำให้มาแต่เช้า มารอแสงถ้าอยากได้รูปสวยๆ

ได้ภาพสวยสำหรับทริปนี้แล้ว ก็มุ่งหน้าเข้าเมือง หาอะไรอร่อยทานกันค่ะ เพราะแคมปิ้งกันมาหลายวันอยากทานอาหารดีๆบ้างค่ะ จึงไปแวะถ่ายรูปกันที่ Cascade Gardens ได้ฟีลสวนฝรั่งผู้ดีมากค่ะ

ช่วงที่ไปมีจัดสวนสวยๆด้วยค่ะ ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับเหล่าดอกไม้ และ สวน พร้อมปราสาทด้านหลัง จากนั้นก็เตรียม Move ไปที่ถนน Banff Ave เพื่อเดิน Shopping ทานข้าว ทานกาแฟกันค่ะ

ผังเมืองตอนนี้น่ารักมากเลยค่ะ เหมือนใน The Sim City เพราะเขาจะมีที่จอดรถ ตู้หยอดเหรียญค่าที่จอดรถ แล้วเราก็เดินมา Shopping และ หาอะไรทานสะดวกมาก

นอกจากนั้นเขายังมีรถน่ารักๆ เป็นรถนำเที่ยวด้วยนะคะ ฟีลดีมาก เบื้องต้นถนนเส้นนี้จะมีร้านค้าสำหรับ Shopping เป็นหลักเลย แนะนำให้ซื้อของฝากตรงนี้เลยค่ะ เพราะภาษีเมืองนี้จะน้อยกว่าที่ Vancouver

และร้านที่คนมาแคนาดาต้องโดน Lululemon ผ้าดีมาก สวยมาก แพงมากเช่นกัน อยากได้หลายอย่างมากเลยค่ะ เน้นใส่แล้วอุ่นแน่นอนค่ะ และสวยแบบดูแพงไปเลย

และวันที่เรามาเดินเล่นตรงนี้ คือฟ้าสดใสมาก แดดดี อากาศดีไม่หนาว ไม่ร้อน และบรรยากาศตรงนี้คือน่ารักมาก เหมือนเป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาให้คล้ายในเทพนิยายเลย

แล้วก็มาหาเนื้ออร่อยๆทานกันค่ะ เราชอบแคนาดาอีกเรื่องคือเนื้อไม่แพง และ น้อยมากที่จะเจอเนื้อไม่อร่อย แต่อาหารเขาจะทำสไตล์ฝรั่งเลยค่ะ จะทำเอาคิดถึงอาหารไทยที่บ้านกันนะ

จากนั้นเราก็ไปสัมผัสธรรมชาติกันต่อที่ Cascade Ponds เป็นอีก Landscape ที่สวยมากอีกที่ และเป็นเหมือนสวนสาธารณะไปในตัว เพราะมีหลายคนมาทำกิจกรรม มา Camping กันที่นี่ มีคนมาถ่าย Pre-wedding ที่นี่ด้วยค่ะ

ความโชคดีอีกอย่างของที่นี่คือ ใบไม้เปลี่ยนสี เขามีต้นไม้บางต้นที่เปลี่ยนสีไว ไม่ต้องรออากาศหนาวจัดค่ะ อาจจะมานั่งเล่นได้ที่นี่ค่ะ

แล้วเราก็มาปิดท้ายวันที่นี่ด้วย Banff Gondola หรือ กระเช้าลอยฟ้า ที่ถ้าหิมะตกจะสวยมากๆ แต่ช่วงที่เราไปทุกอย่างยังเป็นสีเขียวอยู่เลยค่ะ เลยไม่ขึ้นกัน และราคาคือแรงใช้ได้เลยค่ะ

จากนั้นเราก็มาหาที่ๆจะชมแสงเหนือสำหรับคืนนี้ค่ะ ติดตามแสงเหนือกันได้ด้วย App และกลุ่ม เที่ยวแคนาดาด้วยตนเอง Next Trip to Canada ซึ่งเราอาจข้อมูลในกลุ่มนี้บ่อยมากก่อนไปค่ะ

เรามาเจอจุดชมแสงเหนือ ริมแม่น้ำสักที่ค่ะ มาดักรอช่วง 1 ทุ่ม เริ่มเห็นข้อดีของการเช่ารถบ้านมาคือ เราสามารถขับรถมานอนรอแสงกันได้เลยค่ะ ไม่ต้องเหนื่อย ตั้งนาฬิกาปลุกก็ได้

วันสุดท้ายใน Banff National Park เดินทางสู่ Vancouver

เช้าวันสุดท้ายใน Banff เราเตรียมไปเที่ยวต่อที่ Vancouver ค่ะ ส่วนเพื่อนๆเรามีภารกิจไปเดินเขา 27 กิโลเมตร แล้วต้องนั่ง เฮลิคอปเตอร์ ออกมากัน จึงต้องแยกกันเดินทางค่ะ

การเดินทางที่นี่ค่อนข้างสะดวกค่ะ เราใช้บริการรถตู้ด่วน ซึ่งจองผ่านเว็บมาก่อน อย่าลืมที่จะปริ้นใบหลักฐานมาด้วย ตามจริงเขาไม่ได้ขอตรวจนะคะ แต่เขาจะเช็คชื่อเราว่าตรงกับในลิสต์เขามั้ย โดยท่ารถที่เรามาขึ้นอยู่หลังโรงแรม Mount Royal Hotel

รถที่เรานั่งเป็นรถตู้เบนซ์ ของ ABestX.Com ค่ะ ถ้าเจ้าอื่นจะเป็นรถบัสหรือไม่ เราไม่มั่นใจ แต่เราเน้นจอง Express วิ่งตรงที่สนามบินเลยค่ะ ไม่ต้องไปต่อรถที่ไหนอีก ไม่นานนักก็ถึงสนามบินเพื่อไป Vancouver ต่อ

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้

Don't Miss