ทองผาภูมิ
ทองผาภูมิ ทริปนี้ถือเป็นทริปคืนสู่เหย้ามาก เพราะน้อยครั้งที่เราจะยอมเข้าป่า เราจำได้แม่นมาก ปีก่อนเราเข้าป่าครั้งเดียวที่ พุเตย กับคนทั้ง 8 คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วครั้งนี้เราก็ไปกับคนที่ไม่รู้จักแก๊งเดิม และ เป็นป่าใกล้กรุงเหมือนเดิมด้วยกับที่นี่
ทองผาภูมิ เมืองแห่งม่านหมอก ใกล้กรุง
แต่ก่อนเราเคยไปสังขละบุรี แล้วต้องผ่านอำเภอนี้เราก็เห็นหมอกกันเป็นว่าเล่น แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผ่าน เรายังแวะขึ้นไปนอนบนนั้นด้วย เราเลยเสมือนเดินท่ามกลางหมอก…ตามฉันมา 6 August Journey จะพาเที่ยวทองผาภูมิ[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeeeee”]งบที่ใช้สำหรับเดินทางสาธารณะ
[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeeeee”]เก็บกระเป๋าพร้อมแล้วไปกันเลย !!!
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเรารู้สึกเหนื่อยล้ากับทุกสิ่ง เพราะงานที่ออฟฟิสเยอะตามภาษาโปรแกรมเมอร์ แล้วเรายังต้องกลับมาปั่นรีวิวที่เที่ยวอีกหลายที่ ทำให้ทริปนี้มีท่าทีว่าจะล่ม
แต่พี่ที่ไปด้วยจองบ้านพักไว้แล้ว ดังนั้นต้องเดินหน้าต่อ
เราจำได้เสมอทุกครั้งที่ทริปไหนไม่อยากไป ทริปนั้นมักจะมีอะไรเสมอ นัดแนะกันเสร็จสรรพ เราก็มาอยู่กันที่ Century ที่อนุสาวรีย์เน้นว่าข้างๆเลย จะมีแหล่งรถตู้
รถตู้ที่ได้ เป็นรถตู้ที่เต็มไปด้วยแขก นี่คือเราอยู่อินเดียเปล่าเนี่ย ทำใจนั่งไปเถอะไม่นานเดียวก็ถึง แล้วมันก็ไม่นานจริงๆ แปบเดียวถึงเมืองกาญจนบุรีแล้ว มองวิวนครปฐมแปบเดียวถึงกาญ
แล้วรถก็มาจอดที่ บขส บ้านเขานั้นแหละ แหล่งรวมรถตู้ชั้นดีที่ออกทุก 20 นาที
ซื้อตั๋วแล้วมีเวลากินข้าวอีกแค่ 10 นาทีเห็นจะเป็นได้ ก็ต้องขึ้นรถตู้เพื่อมุ่งหน้าไป อำเภอทองผาภูมิ ดินแดนแห่งหมอก
ด้วยความที่รถออกเป็นเวลาทำให้ที่นั่งไม่เต็ม เราเลยแอบหนีไปงีบที่ข้างหลัง 55+ คนที่มาด้วยงงเลย หันไปไม่เจอนึกว่าไปไหน มันก็เป็นอีกอารมณ์ของการเดินทางเหมือนกันนะ
ง่วงที่ไหน ก็ หลับตรงนั้น ค่ำไหน ก็ นอนนั้น
ไม่นานนักก็มาถึงท่ารถของอำเภอทองผาภูมิ แล้วก็มีรถที่ติดต่อจ้างไว้ล่วงหน้ามารอรับ พร้อมกับบรรยากาศครึ้มๆ
การเข้าป่าทุกครั้งกับแก๊งนี้ เราติดใจตรงเรื่องอาหารการกิน คืออยู่ในป่านะแต่อาหารกินยิ่งกว่าอยู่บ้าน ครั้งนี้ก็ไม่พลาดที่เราจะแวะจ่ายตลาดระหว่างทาง สิ่งที่ได้มากินกัน 4 คนคือ
หมูครึ่งโล เครื่องปรุงทำน้ำจิ้ม ปลาสำหรับย่าง ซี่โครงหมู
คืนนี้เราวางแผนตัดกำลังคู่แข่งแล้ว 55+ เรื่องกินเรื่องใหญ่ แต่วิวตลาดที่นี่มันงามจริง เพราะจ่ายตลาดท่ามกลางหมอก ล่องลอยตามแนวเขา
ซื้อของเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้าขึ้นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งข้างบนนั้นจะมีจุดชมวิว หมู่บ้านอีต่อง จุดชมเขาช้างเผือก น้ำตกสวยงาม รอเราอยู่ประเด็นมีอยู่ว่า ด้วยเวลาจำกัดแบบนี้ ฝนตกขนาดนี้
เราไปถึงที่นั้นจริง แต่ฝนตกเราก็เหมือนไม่ได้มา 55+
จบข่าวเลยเนอะ เราก็ไปแวะกันที่แรกจุดชมวิว แต่ไม่ต้องถึงจุดชมวิว วิว 2 ข้างทางก็อลังการงานสร้างอยู่แล้ว เราชอบตรงนี้ที่สุดนี่แหละ คือคำว่าข้างทางมีความหมายเลยเมื่อมาที่นี่
เดินชมวิว เดินถ่ายรูปชิลๆแล้วเราก็ต้องไปกันต่อ เพราะนี้ถือว่าเป็นการแวะข้างทางบนเขา อากาศดีมาก แล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่ หมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็กๆที่ปิล็อกนั้นเอง
ยังไม่ทันไปถึงฝนก็ตกหนักมาก !!!
เที่ยวหน้าฝนก็แบบนี้แหละ เลยมุ่งหน้าตรงไปที่อุทยานแห่งชาติเลย ที่ๆเราจะได้ใช้ชีวิตเป็นทาร์ซานเกิลด์ 55+ คิดได้ไง
ตามจริงแล้วพี่ที่มาด้วยกันติดต่อที่พักไว้แล้ว แต่เนื่องจากบ้านใหม่ กลิ่นสียังมี เลยเปลี่ยนบ้านไปนอนแบบ 6 คนแต่ราคาแค่ 1,200 บาทแปลว่าถ้ามา 6 คนจะตกคนละ 200 บาทต่อคืน ดีงามมาก
อุทยานที่นี่จะปั่นไฟให้ใช้ถึงแค่ 3 ทุ่มเท่านั้นจึงควรเตรียมตัว
นอกจากนั้นยังมีเตามีถ่านมีอุปกรณ์ปิ้งย่างให้ยืมในราคา 60 บาทเท่านั้นด้วย ค่ำคืนนี้อีกยาวไกลแน่นอน มีเซอร์ไพรซ์นกเหงือกตัวเป็นๆ เต็มอุทยานเลย ใหญ่เวอร์
แล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าที่พักกัน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เรามาพักอุทยานแบบนี้ เราว่าบ้านพักโอเคเลยแหละ เสียอย่างเดียวน้ำที่อาบขุ่น และ เย็นเกินไป เรื่องไฟไม่ต้องพูดถึงดับ 3 ทุ่มจำไว้แม่น
ขึ้นชื่อว่าอุทยานแล้ว อากาศจะดี นอนนแบบไม่ต้องเปิดพัดลมเลย
แม้ในหน้าร้อนที่นี่อากาศจะเย็นๆ เขาว่ากันว่าที่นี่สมบูรณ์มาก ช้างป่าเยอะ ชาวบ้านต่างไม่ค่อยชอบขับรถขึ้นมาตอนกลางคืน
เห็นห้องพักแล้ว ก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย แล้วก็แบ่งหน้าที่กัน เราได้รับหน้าที่ออกไปร้านสวัสดิการ ที่อยู่ข้างๆบ้านพักนั้นแหละ เพื่อซื้อข้าว และ กับมากิน ส่วนของสดที่ซื้อมานั้นเอาไว้กินเล่นตอนกลางคืนกัน
ที่นี่มีร้านสวัสดิการ และ ร้านอาหารที่รสชาติอร่อยใช้ได้เลย
ราคาอาหารก็ไม่แรงจนเกินไป แถมยังได้ใช้ชีวิตเป็นทาร์ซานเวลาสั่งอาหารด้วยนะ เพราะสั่งอาหารทีไร เราแค่กะตุกเชือก จะมีเจ้าหน้าที่ออกมารับออร์เดอร์
[col2 ]
[col2 ]
[/col2][col2 ]
[/col2]
อาหารเรียบร้อยเราก็นำกลับไปบ้านพักกันนั้นแหละ โดยอีกฝั่งก็กำลังเตรียมหมักหมู เตรียมทำน้ำจิ้มสูตรเด็ด เตรียมก่อถ่าน เราบอกตามตรง เราชอบเข้าป่าเพราะการทำอาหารแบบนี้นี่แหละ
เราซื้ออาหารจากร้านสวัสดิการมา 3 อย่าง หวังตัดกำลังคู่แข่ง 55+
เพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าคืนนี้ต้องอร่อย พี่หลายคนกินข้าวเป็นจานที่ 2 เราก็ยิ้มเบาๆ อิอิเดียวคืนนี้จัดเต็มแน่นอน
บรรยากาศตอนนี้ก็ฝนตกตลอดเวลานั้นแหละ ตกบ้างหยุดบ้าง เหน็บหนาวใช้ได้เลย แล้วก็ถึงเวลาก่อเตาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอาหารเย็นรอบสองที่เรารอคอย 55+
ย่างหมูก่อน เชื่อเราดิ จะได้ไม่ติดตะแกรง
ทีเด็ดคือน้ำจิ้มแจ๊วพริกสดที่โรยด้วยข้าวคั่ว เวลาเอาหมูจุ่มลงไปแล้วเอาขึ้นมาจะมีข้าวคั่วติดออกมาเต็มๆ กรึบๆ อร่อยเวอร์
[col2 ]
[/col2][col2 ]
[/col2]
[col2 ]
[/col2][col2 ]
[/col2]
เราถือว่าเรา Mission Complete แล้วแหละ 55+ คือมาหน้าฝนแบบนี้ไม่เห็นอะไรเลย ฝนตกตลอดเวลา เหมือนเราเปลี่ยนที่ย่างหมู แต่ตามจริงแล้ว เราได้เที่ยวกับคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่า
ถือว่าคืนนี้เราโอเคมากแล้ว นอนได้ พรุ่งนี้ต้องลุ้นต่อว่าจะเห็นวิวไหม
แล้วเราก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝนตก 55+ เป็นไปตามคาดแต่ไหนๆก็มาแล้วขอออกไปเดินดูดีกว่า
จุดชมวิวอยู่ห่างจากที่พักเพียง 500 เมตรเดินท่ามกลางฝนเบาๆ ได้บรรยากาศดีมากเลย แล้วเราก็เจอแต่หมอกเต็มไปหมด 55+ แต่ที่นี่ดีนะมีบ้านทาร์ซานให้พัก
ใครอยากพักบนต้นไว้ แบบวัยเด็กต้องลอง
ตามจริงแล้วเราต้องเห็นเนินช้างศึกจากจุดชมวิว แต่เราเห็นแต่ฝนนี่แหละ 55+ อยากกลับมาซ้ำมากบอกเลย
ส่งท้ายด้วยการวิ่งขึ้นรถประจำทางที่รอบสุดท้ายจะมาในเวลา 07:30 เราต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วเดินออกมารอรถกันที่หน้าอุทยาน สวยงามมีหมอก
การออกแบ็คแพคมันก็ดีแบบนี้แหละ ได้วิ่งจูงมือคนที่เรารักไปลำบาก
แต่เราไปกับพี่ๆน้องๆนะ 55+ เห็นคู่อื่นเท่านั้นเอง
สำหรับทริปนี้มันทำให้เรารู้ซึ้งเลยว่า
จุดหมายปลายทางมันไม่สำคัญเท่าเรื่องราวระหว่างทางจริงๆ
เพราะมาครั้งนี้ไม่ได้เห็นน้ำตก ไม่ได้เดินหมู่บ้าน นั่งดูแต่ฝนตก แต่วิวตอนเดินทางมันคุ้มค่าจริงๆ