เลห์ ลาดัก ตุลาคม…หนาวทั้งทีต้องเที่ยวให้ได้ 4 ฤดู
เลห์ ลาดัก ตุลาคม – พอพูดถึงเลห์ คนคงจะนึกถึงวิวภูเขา ฟ้าสีฟ้าเดิมๆซ้ำๆ ก่อนผึ้งไปที่นี่ภาพในหัวก็เป็นงี้แหละ จนกระทั่งมาค้นพบช่วงเวลาสุดแสนวิเศษที่แบบ
ไปเจออากาศ -10 องศา ไปขี่อูฐที่ทะเลทรายหนาวๆ ไปเจอใบไม้เปลี่ยนสีสวยจนนึกว่าเกาหลี ไปเจอลมหิมะตีหน้า ทั้งหมดนี้ในทริปเดียว
ค้นพบความหนาวทรมานแบบไม่มีฮีตเตอร์ ค้นพบความอ๊อกซิเจนน้อยแบบพร้อมเหนื่อยได้ทุกเมื่อ แต่ทั้งหมดมันเป็นประสบการณ์ที่ดี และสุด…จนผึ้งแทบไม่อยากไปไหนอีกถ้าไม่สวยกว่าที่นี่ (<<เลห์วันที่ 3 เลห์วันที่ 5>>)
เตรียมตัวยังไง
- เอกสารที่ควร & ต้องปริ้น : คลิกที่นี่
- 9 เรื่องที่อยากรีวิวเมื่อไปอินเดียกับ Jet Airways : คลิกที่นี่ (จองตั๋ว)
- 6 ความเอ็นเตอร์เทรนบนเครื่องบิน Jet Airways ที่ทุกคนทำได้ ฟรี !!! : คลิกที่นี่
- พิกัด แหล่ง นอนในสนามบินเดลี สบายเวอร์ : คลิกที่นี่
- จัดกระเป๋าเดินทางสู้ภัยหนาว ทริปนี้เราจัดกระเป๋ายังไง : คลิกที่นี่
- แลกเงิน แลกที่ไทยอย่าง Superrich บางสาขาต้องโทรแจ้งล่วงหน้า ด้วยความวุ่นวายเราเลยกดเงินสดจากบัตร TMB All free ซึ่งเสียค่ากดเพียง 75 บาทและได้เรตเงินราคาพอๆกับ Superrich เผลอๆบางวันถูกกว่าด้วยจ้า
- การเดินทางเช่ารถเถอะ (หาเพื่อนรวมตัวกันหาร) หรือ แว๊นมอไซค์ (ไปคนเดียว หรือ 2 คน)
- รีวิวที่พักทุกคืนที่เราพัก ไว้เอาไปเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ : คลิกที่นี่
- รีวิวอาหารสำเร็จรูปที่พกไป อันไหนเวิร์ค !!! : คลิกที่นี่
- อย่าลืมเตรียมหัวปลั๊กไฟ Universal ไปนะเพราะที่อินเดียหัวคนละแบบกับที่ประเทศไทย
- อินเตอร์เน็ต ไม่ต้องหาซิมส์ใดๆไปหรอก เพราะที่นี่วันไหนหนาวจัดอินเตอร์เน็ตก็ล่มทั้งเมือง 10 วันนี้เราเล่นเน็ตได้แค่ 30 นาทีเอง !!! แล้วไปเล่นตามร้านอาหาร คาเฟ่ในเลห์ บาซ่า
ชีวิตที่เลห์ ลาดัก
- คือที่ไหน : ถ้าใครเคย search แผนที่อินเดียจะไม่เจอที่นี่หรือ แต่เข้าใจแบบนี้ดีกว่าคืออินเดียเขาแบ่งการปกครองเป็นรัฐมีทั้งสิ้น 29 รัฐซึ่งเลห์อยู่ในรัฐ Jammu and Kashmir ซึ่งรัฐนี้มี 3 ภาค (Region) เลห์เป็นจังหวัดที่อยู่ใน Ladakh Region คนไทยอย่างเราจึงรู้จักที่นี่ว่า Leh Ladakh
- ไปเลห์ซื้ออะไร จุดไหน ราคาเท่าไร : คลิกที่นี่
- อาหารที่เลห์ ของดีๆมันก็มี๊ !!! : คลิกที่นี่
- อากาศที่เลห์ และ ฤดูกาลไปเที่ยว : คลิกที่นี่
- ภาษา : เป็นเรื่องน่าแปลกเมื่อคนที่เลห์เองจริงๆ เขามีหลากหลายชาติพันธุ์อย่างเห็นได้ชัด บางคนมีเชื้อสายมองโกลก็พูดภาษาเลห์กัน บางคนเชื้อสายปากีสถาน บางคนเชื้อสายอินเดีย โดยรวมพูดภาษาอังกฤษได้
- ศาสนา : คนที่เลห์ 60% นับถือพระพุทธศาสนาแบบทิเบต (Tibetan Buddhism) ที่คนไทยรู้จักกันดีอย่างองค์ ดาไลลามะ เป็นประมุขของคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะขับรถไปที่ไหนเรามักจะเจอผู้คนประดับธงหลายสี หรือ แกว่งกงล้ออธิษฐานโดยภายในจะมีบทสวดมนต์อยู่ข้างใน เขาเชื่อกันวาลม และ การเคลื่อนไหวจะมีการนำสิ่งดีๆเข้ามา
- Time Zone : GMT+5:30 หรือช้ากว่าเราประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
วันที่ 4 ไปไหนบ้าง
ไปขี่อูฐไง ที่เหลือก็อยู่บนรถทั้งวัน !!!
4th DAY : ลุยหิมะไปขี่อูฐต้องยอมรับเลยว่าช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมาเป็นอะไรที่แบบว่า เฉยๆแล้วจ๊ะนายจ๋า ภูเขาก็สวยเมื่อแรกเห็น แต่ตื่นเช้ามาก็เขา ก่อนนอนก็เขาเห็นจนชินตาแล้ว วันนี้เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษเลยก็ว่าได้เพราะจะได้ไปขี่อูฐ
วันนี้เราต้องเดินทางไปในที่ๆสูงที่สุดในทริปนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่เราปรับตัวกับที่สูงระดับ 3000 เมตรกันไป 3 วันแล้ววันนี้จะพุ่งสู่ความสูง 6000 เมตรที่ Nubra กันแน่นอนว่าการเดินทางวันนี้ยาวไกลต้องแวะซื้อพ่อค้า..เอ้ย !! แวะซื้อกล้วยไปกินระหว่างทาง
การเดินทางในวันนี้เราต้องไต่ระดับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ คำแนะนำในการดูแลตัวเองคือ จิบน้ำบ่อยๆ จิบน้ำเรื่อยๆระหว่างทาง หูอาจจะอื้อบ้าง และหนทางก็จะทำให้เรารู้สึกได้ว่าเรากำลังอยู่ที่สูง
แล้วเราก็ขึ้นมาสูงมากในจุดที่มีหิมะ !!! สูงแค่ไหนคิดดูและแน่นอนว่าจากที่หนาวอยู่แล้วเราก็จะหนาวไปอีก คือเราก็ขับไต่ระดับบนเขาขึ้นไปเรื่อยๆ จนพบจุดพักรถ ที่รถหลายๆคันก็พักกัน
การจอดรถธรรมดาโลกจะไม่จำแน่นอน ถ้าคุณไม่เข้าห้องน้ำ 55+ คือแบบห้องน้ำที่นี่บางที่คือ น้ำ ทิชชู จะล้นเต็มพื้นซึ่งเป็นอะไรที่ทำใจได้ยากมากที่จะเข้าแน่นอนว่า เตรียมตัวมาดีๆอุปกรณ์ช่วยให้ยื่นฉี่ได้เขาก็มีขายนะสำหรับสาวๆ
แล้วเราก็ขึ้นมาถึง Khardung La Pass ถนนทางหลวงที่เขาว่าสูงที่สุดในโลก ซึ่งตามจริงแล้วเขาไม่ได้สูงที่สุดในโลกลำพังแค่ในเลห์เองยังมี Chang La ที่สูงกว่าและสวยกว่า แต่ถ้าที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกในปัจจุบันคือที่โบลิเวียนะจ๊ะนายจ๋า
กว่าจะถึง Nubra ก็ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านหิมะตีหน้าเพราะลมข้างบนแรงมาก และ พัดหิมะมาตีหน้า เน้นว่าข้างบนลมแรงมากเกือบปลิวแล้ว แล้วเราก็ลงเขาเพื่อเข้าสู่ Nubra
พอเข้าสู่ Nubra นี่เหมือนมาอีกซีกโลกคือกลายเป็นทะเลทราย แต่ไม่ได้สีขาว หรือ แดงแบบมุยเน่ที่เวียดนามนะ ทรายที่นี่ออกแนวเทาๆ และมีเหมือนพืชในสะวันนาขึ้นอยู่ ทริปนี้มันสุดจริง หนาว หิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี ตอนนี้มาทะเลทรายแล้ว แต่ทะเลทรายที่นี่หนาวมากจ๊ะนายจ๋า
หลังจากอัดอั้นมานาน เพราะห้องน้ำบนนั้นมันเข้าไม่ได้จริงๆ เราก็มาเข้าที่นี่ที่ขี่อูฐบนทะเลทราย อูฐที่นี่เขามีเวลาขี่นะช่วงเช้าจะขี่ได้ตั้งแต่ 09:00 ถึง 12:00 ส่วนช่วงบ่ายจะขี่ได้ 03:30 ถึง 1 ทุ่ม ไม่อยากจะคิดว่าจะหนาวขนาดไหน !!!
ด้วยความหนาวจัด หนาวมากเราเลยขี่อูฐกันเพียง 15 นาทีจากตอนแรกพี่ๆเขาก็ชวนขี่กัน 30 นาทีขึ้นไป โอ้ยยยหนาวขนาดเน้ เราควรขี่กันเท่านี้แล้ววิ่งขึ้นรถไปเถอะ 55+ อูฐที่นี่เป็นอูฐสองหนอก พันธุ์ Bactrain ตัวไม่ใหญ่เหมือนอูฐแถบโอมาน และ อิยิปต์
ค่าขี่อูฐที่นี่โอเคนะครึ่งชั่วโมง 500 รูปี (250 บาท) ส่วน 1 ชั่วโมงคือ 900 รูปี (450 บาท) ราคาสมเหตุสมผลจ๊ะนายจ๋า ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วรีบหาที่พักแล้วจบวันกันเถอะ บรื๋อๆๆ เลห์ วันที่ 5 >>